
อาการความดันต่ำ ภัยเงียบ... ที่คุณอาจไม่รู้ตัว
ความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยที่คุกคามชีวิตคนจำนวนมาก โดยไม่มีอาการเตือนที่ชัดเจนในระยะเริ่มต้น ทำให้หลายคนละเลยที่จะดูแลสุขภาพ จนนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ และโรคไตวาย บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง สาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกันและรักษา เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความดันโลหิต คือ แรงกดดันของเลือดที่ไหลผ่านหลอดเลือดแดงในร่างกาย เปรียบเสมือนระบบท่อส่งน้ำที่มีอยู่ทั่วร่างกาย โดยความดันโลหิตเกิดจากการทำงานของหัวใจที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนปั๊มน้ำ สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ซึ่งแพทย์จะวัดค่าความดันโลหิตเป็นสองค่า คือ
ค่าสูง : เป็นค่าความดันหลอดเลือดแดงขณะที่หัวใจบีบตัว (Systolic Blood Pressure)
ค่าต่ำ : เป็นค่าความดันหลอดเลือดแดงขณะที่หัวใจคลายตัว (Diastolic Blood Pressure)
ความดันโลหิตสูง (Hypertension) ตามความหมายของ World Health Organization (WHO) คือ การมีความดันในหลอดเลือดสูงเกินไป (140/90 มม.ปรอทหรือสูงกว่า) ซึ่งเป็นสภาวะที่พบได้บ่อย แต่หากไม่รักษาอาจเกิดปัญหาร้ายแรงได้
สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง มีอาการเบื้องต้น เช่น ปวดหัว หน้ามืดเวียนศีรษะ มึนงง เหนื่อยหอบง่าย มือเท้าชาและใจสั่น ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยทันที
โรคความดันโลหิตสูง หรือ ภาวะความดันโลหิตสูง มักถูกเรียกว่า "ฆาตกรเงียบ" เพราะมักไม่มีอาการเตือน แต่สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ ดังนี้
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง มักเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน เช่น
กลุ่มผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่เกิดจากโรคหรือสภาวะอื่นๆ ที่ส่งผลต่อระบบการไหลเวียนโลหิต สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่
โรคความดันโลหิตสูงอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่ออวัยวะสำคัญต่าง ๆ ดังนี้
1. โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง: แรงดันของเลือดที่ไหลเวียนผ่านหลอดเลือดแดงใหญ่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอ โป่งพอง
2. หัวใจล้มเหลว: กล้ามเนื้อหัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่เพียงพอ อ่อนเพลีย หายใจลำบาก
3. โรคเมตาบอลิก: ส่งผลต่อระบบเผาผลาญพลังงาน เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง
4. หัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง: ความดันโลหิตสูงเรื้อรังทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ส่งผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว
5. โรคสมองเสื่อม: สมองเสื่อมสภาพลง สูญเสียความทรงจำ และความสามารถในการคิด
6. ปัญหาเกี่ยวกับความจำหรือความเข้าใจ: ส่งผลต่อความจำ การคิด การตัดสินใจ
7. หลอดเลือดในไตแคบลง: ไตได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ฟอกของเสียไม่ได้ อาจนำไปสู่ภาวะไตวาย
8. หลอดเลือดในดวงตาหนาหรือแคบ: อาจสูญเสียการมองเห็น
อย่างไรก็ตาม การควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ร่วมกับการรักษาจากแพทย์สามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้
สำหรับผู้ป่วยที่ต้องติดตามระดับความดันโลหิตอย่างต่อเนื่อง การวัดความดันโลหิตที่บ้าน จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัย ปรับเปลี่ยนยา และดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการวัด:
เตรียมอุปกรณ์เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดดิจิทัล กระดาษ ปากกา
เตรียมตัวนั่งพักอย่างน้อย 5 นาที ขาไม่ไขว้กัน หลังพิงเก้าอี้ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
วัดความดันโลหิตทำตามคู่มือการใช้งานของเครื่องวัดความดันโลหิตโดยทั่วไปควรวัด 2 ครั้ง
ห่างกัน 1 นาที แล้วบันทึกค่าเฉลี่ย
บันทึกผล จดวันที่เวลา ค่าความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ อาการผิดปกติ
ข้อควรระวัง:
ไม่ควรวัดความดันโลหิตหลังสูบบุหรี่ ดื่มชา กาแฟ หรือออกกำลังกาย
ควรวัดความดันโลหิตในสภาพอากาศที่เย็นสบาย เงียบสงบ
ควรใช้อุปกรณ์วัดความดันโลหิตที่ได้มาตรฐาน
ควรปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการวัด
คำแนะนำเพิ่มเติม: ไม่จำเป็นต้องวัดความดันโลหิตทุกวัน แพทย์จะแนะนำระยะเวลาที่เหมาะสม ควรวัดความดันโลหิตเมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน จดบันทึกค่าความดันโลหิตที่ได้และนำไปให้แพทย์พิจารณาเมื่อไปติดตามการรักษา
การป้องกันโรคความดันโลหิตสูงนั้น ทำได้ง่ายๆ โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนี้
1. ควบคุมน้ำหนัก:
หากมีน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์ ควรลดน้ำหนักให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ
2. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์:
เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีน ลดการทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและโซเดียมสูง ไขมันทรานส์ อาหารแปรรูป อาหารหมักดอง อาหารกึ่งสำเร็จรูป
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ:
ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค
4. ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์:
ผู้ชายไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เกิน 2 แก้วต่อวัน ผู้หญิงไม่ควรเกิน 1 แก้วต่อวัน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
5. เลิกสูบบุหรี่:
การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคความดันโลหิตสูง ควรเลิกสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด
6. จัดการความเครียด:
หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น ฝึกสมาธิ โยคะ ฟังเพลง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
7. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ:
ตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อวัดความดันโลหิต ตรวจหาโรคอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูง
8. ปรึกษาแพทย์:
หากมีญาติเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต หรือโรคไขมันในเลือดสูง
หากมีน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีพฤติกรรมการทานที่ไม่ดี
หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน
การรักษาความดันโลหิตสูงนั้น จำเป็นต้องพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น อายุและเพศของผู้ป่วย น้ำหนักตัว พฤติกรรมการใช้ชีวิต การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ โดยทั่วไปแล้ว มีสองวิธีหลัก ๆ ในการรักษา
1. ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เป็นวิธีแรกที่แพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยลองปฏิบัติ เนื่องจากทำได้ง่ายและไม่ต้องพึ่งยา แต่ต้องอาศัยความมีวินัยในการปฏิบัติ
รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ: ลดอาหารรสเค็ม เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การเดินวันละ 30 นาที สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้
ควบคุมน้ำหนัก: หากน้ำหนักเกินเกณฑ์ การลดน้ำหนักจะช่วยลดความดันโลหิตได้
ลดบุหรี่และแอลกอฮอล์: ทั้งสองสิ่งนี้ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดและความดันโลหิต
จัดการความเครียด: หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น ฟังเพลง ทำสมาธิ
2. รักษาด้วยยา หากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไม่เพียงพอ หรือความดันโลหิตสูงมาก แพทย์อาจพิจารณาให้ยาลดความดันโลหิต
ยาลดความดันโลหิตมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน
แพทย์จะเลือกยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ โรคประจำตัว
สิ่งสำคัญคือ ผู้ป่วยต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่หยุดยาเองหรือปรับขนาดยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์
การดูแลรักษาความดันโลหิตสูงเป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตร่วมกับการรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นวิธีที่ดีในการเฝ้าระวังและควบคุมความดันโลหิตสูง ชับบ์ไลฟ์ ประกันภัย ตระหนักถึงความสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี และพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวสำหรับทุกคน
เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่าปล่อยให้ค่ารักษาพยาบาล มาทำให้แผนการใช้ชีวิตไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ เพราะค่ารักษาพยาบาลที่ไม่คาดคิดอาจสร้างปัญหาให้กับเงินออมและแผนการใช้ชีวิตได้ ให้ประกันสุขภาพจาก ชับบ์ ไลฟ์ ช่วยดูแลด้วยแบบประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและผ่าตัด ประกันชดเชยรายได้ และประกันโรคร้ายแรงมอบความคุ้มครองสุขภาพที่ครอบคลุม เพื่อปกป้องผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหากเจ็บป่วยขึ้นมา
1. ความดันโลหิตสูงสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?
ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ยา
2. การออกกำลังกายแบบใดที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง?
การออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การเดินเร็ว การวิ่งเบา ๆ การว่ายน้ำ และการปั่นจักรยาน
3. ควรไปพบแพทย์บ่อยแค่ไหนถ้าฉันมีความดันโลหิตสูง?
ควรพบแพทย์ตามนัดทุก 3-6 เดือน หรือบ่อยขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์
4. อาหารประเภทใดที่ควรหลีกเลี่ยงถ้าฉันมีความดันโลหิตสูง?
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือและไขมันสูง เช่น อาหารจานด่วน อาหารกระป๋อง และอาหารทอด
5. สามารถใช้สมุนไพรหรืออาหารเสริมเพื่อช่วยลดความดันโลหิตได้หรือไม่?
สามารถใช้ได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากบางสมุนไพรและอาหารเสริมอาจมีผลข้างเคียงหรือทำปฏิกิริยากับยาที่ผู้เป็นความดันโลหิตกำลังใช้
ที่มา
อาการความดันต่ำ ภัยเงียบ... ที่คุณอาจไม่รู้ตัว
7 สุดยอดอาหารบำรุงหัวใจขาดเลือด
รู้เท่าทัน โซเดียม เลือกทานอาหาร เพื่อสุขภาพหัวใจและไตที่แข็งแรง
สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง
ติดต่อเรา
ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ