Co-payment คืออะไร เข้าใจก่อนเลือกซื้อประกันสุขภาพ
โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตที่สูงที่สุดทั่วโลก ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่เพียงแต่กระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัวและสังคมอย่างลึกซึ้ง เมื่อพูดถึงสุขภาพหัวใจ คนส่วนใหญ่จะนึกถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค เช่น ความเครียดหรือการสูบบุหรี่ แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าลำไส้ของเราก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาหัวใจให้แข็งแรงได้เช่นกัน
การรักษาหัวใจให้แข็งแรงไม่ได้หมายความแค่การดูแลระบบการไหลเวียนเลือดจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเสริมสร้างสุขภาพจากภายในด้วย การรับประทานอาหารที่มีพรีไบโอติก หรืออาหารที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากต้องการให้หัวใจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ
ในบทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงแนวคิดใหม่ที่อาจยังไม่คุ้นหู นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพลำไส้กับสุขภาพหัวใจ ที่อาจส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดอย่างไม่น่าเชื่อ เราจะพูดถึงไมโครไบโอม (Microbiome) หรือจุลินทรีย์ในลำไส้ที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของร่างกาย รวมถึงการปรับสมดุลของฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ ซึ่งจะทำให้ทุกคนเข้าใจว่าทำไมการรักษาสุขภาพลำไส้จึงสำคัญในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดที่หลายคนมองข้ามไป
ในระบบร่างกายของเรามีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่สำคัญแต่หลายคนอาจไม่เคยให้ความสนใจ นั่นก็คือ ไมโครไบโอม (Microbiome) คือกลุ่มของจุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในร่างกายของเราเป็นปกติ โดยเฉพาะในลำไส้ที่ถือเป็นแหล่งที่อยู่หลักของไมโครไบโอมในร่างกายมนุษย์ ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ประเภทต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย, ยีสต์, เชื้อรา, และไวรัสที่อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์ โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในลำไส้ ไมโครไบโอมสามารถพบได้ในหลายส่วนของร่างกาย เช่น ผิวหนัง ทางเดินหายใจ และในช่องปาก แต่ลำไส้ถือเป็นแหล่งที่มีไมโครไบโอมมากที่สุด โดยอาจมีจุลินทรีย์มากกว่า 100 ล้านล้านตัว ซึ่งมากกว่าจำนวนเซลล์ในร่างกายมนุษย์หลายเท่า
ไมโครไบโอมไม่ใช่แค่เพียงมีอยู่เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในหลายระบบของร่างกาย ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด รวมไปถึงการย่อยอาหารและการควบคุมภูมิคุ้มกัน ของร่างกายที่มีไมโครไบโอมที่สมดุลจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น ในแง่ของระบบหัวใจและหลอดเลือด ไมโครไบโอมมีบทบาทในการควบคุมการอักเสบในร่างกาย และช่วยในการสร้างสารเคมีที่ส่งผลต่อการทำงานของหลอดเลือดและระบบการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ ไมโครไบโอมยังมีผลต่อระดับของไขมันในเลือด รวมถึงการสร้างสารต้านการแข็งตัวของเลือด ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงทั้งภายในและภายนอก การดูแลไมโครไบโอมให้สมดุลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสุขภาพลำไส้มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายที่ส่งผลต่อสุขภาพหัวใจ เช่น การออกกำลังกายเพื่อหัวใจและการเลือกทานอาหารที่มีพรีไบโอติก จะช่วยเสริมการทำงานของไมโครไบโอมในลำไส้ ช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาสุขภาพหัวใจจากภายในนั้นไม่ใช่แค่การออกกำลังกายหรือกาทานอาหารที่ดีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลไมโครไบโอมของเราให้สมดุลและมีสุขภาพที่ดี เพื่อให้หัวใจมีสุขภาพที่แข็งแรงและยืนยาว
สุขภาพลําไส้และการเชื่อมโยงกับระบบหัวใจและหลอดเลือดนั้นมีความสัมพันธ์ที่สำคัญต่อสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะการมีลำไส้ที่แข็งแรงจะช่วยส่งเสริมให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันหากลำไส้ไม่สมดุลหรือเกิดปัญหากับระบบลำไส้จะทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งนำไปสู่โรคร้ายแรงต่าง ๆ ได้
เมื่อเราพูดถึงการอักเสบในหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องกับลำไส้ ปัญหาที่เกิดขึ้นมักมีสาเหตุจาก “ลำไส้รั่ว” หรือ Leaky Gut Syndrome ซึ่งเป็นภาวะที่ผนังลำไส้ไม่สามารถกั้นสารพิษและจุลินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีการรั่วไหลของอนุภาคที่ไม่ดี เช่น สารพิษ โปรตีนที่ย่อยไม่สมบูรณ์ และแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง เป็นต้น โดยกลไกนี้จะกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ซึ่งสามารถไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบในหลอดเลือดได้ ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานหนักขึ้น และกระตุ้นการปล่อยสารเคมีที่ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในหลอดเลือด ซึ่งภาวะนี้จะส่งผลเสียต่อหลอดเลือดในระยะยาว ทำให้เกิดการตีบแคบของหลอดเลือด หรือการสะสมของพลัคไขมันในหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดถูกขัดขวาง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ที่มีความรุนแรงสูงขึ้น
การอักเสบเรื้อรังที่เกิดจากลำไส้รั่วและส่งผลต่อหลอดเลือดนี้ มีส่วนทำให้หลอดเลือดสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหัวใจเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease) ที่มีความสัมพันธ์กับการสะสมของคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด หรือแม้แต่การเกิดภาวะหัวใจวาย (Heart Failure) ที่เกิดจากการไหลเวียนของเลือดที่ไม่เพียงพอ เป็นต้น การดูแลลำไส้ให้แข็งแรงด้วยการเสริมพรีไบโอติกส์และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารอย่างเหมาะสม ถือเป็นวิธีที่สามารถช่วยลดการอักเสบในลำไส้และส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจได้
TMAO ย่อมาจาก Trimethylamine-N-oxide เป็นสารที่มีความเชื่อมโยงกับการเกิดคราบไขมันในหลอดเลือด ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งและโรคหัวใจ เมื่อ TMAO ถูกสร้างขึ้นจากการย่อยสารคาร์นิทีนในลำไส้ มันจะเข้าไปในกระแสเลือดและไปกระตุ้นกระบวนการที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่ผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นต้นเหตุของการอุดตันในหลอดเลือดและทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่ราบรื่น เมื่อหลอดเลือดมีการอุดตันหรือแข็งตัว อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองในระยะยาว
สาร TMAO (Trimethylamine-N-oxide) มีบทบาทในกระบวนการเปลี่ยนแปลงสารอาหารและการสะสมของคราบไขมันในหลอดเลือด การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาร TMAO จะช่วยให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นถึงวิธีการที่ไมโครไบโอมส่งผลต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของเรา
ไมโครไบโอมในลำไส้ของเราเป็นแหล่งใหญ่ของการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ไมโครไบโอมยังมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงสารอาหารที่เรารับประทานให้เป็นสารที่มีผลกระทบต่อร่างกาย เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีสารคาร์นิทีน เช่น เนื้อแดงหรืออาหารที่มีไขมันสูง ไมโครไบโอมจะทำการย่อยและเปลี่ยนสารคาร์นิทีนเหล่านี้ให้กลายเป็น TMAO ซึ่งเป็นสารที่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผลกระทบต่อหลอดเลือดของเรา
การศึกษางานวิจัยหลายฉบับได้พิสูจน์ว่า TMAO เป็นสารที่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งทำให้เราต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพลำไส้และเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม เพื่อลดการสร้าง TMAO ในร่างกาย นอกจากนี้การดูแลสุขภาพโดยการออกกำลังกายเป็นประจำก็ช่วยลดการสะสมของ TMAO ได้เช่นกัน
ข้อมูลอ้างอิง : Stavroula Argyridou, , et al., (2020) Associations between physical activity and trimethylamine N-oxide in those at risk of type 2 diabetes.
ไมโครไบโอมเป็นกลุ่มของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา และมีบทบาทสำคัญในการย่อยอาหารและการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน แต่ไม่น่าเชื่อว่าจุลินทรีย์ในลำไส้เหล่านี้ยังมีผลกระทบต่อระดับความดันโลหิต ซึ่งการมีไมโครไบโอมที่สมดุลสามารถช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจได้
การวิจัยจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา พบว่า ไมโครไบโอมในลำไส้ สามารถช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตได้ โดยการผลิตสารเคมีบางชนิดที่มีผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือด และการควบคุมสมดุลของระดับเกลือในร่างกาย
SCFAs (Short-Chain Fatty Acids) เป็นกรดไขมันสายสั้นที่พบได้มากที่สุดในลำไส้ เกิดจากกระบวนการหมักของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ที่มีการย่อยใยอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ กรดไขมันเหล่านี้ช่วยให้พลังงานแก่เซลล์ผนังลำไส้และมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพลำไส้ ลดการอักเสบ และช่วยควบคุมระบบเผาผลาญในร่างกายได้ ซึ่งสารเคมีที่เกิดการผลิตจากกระบวนการย่อยอาหารในลำไส้คือ
บิวทิเรต (Butyrate) แหล่งพลังงานหลักของเซลล์เยื่อบุลำไส้ใหญ่ ช่วยบำรุงลำไส้และต้านการอักเสบ
อะซิเตท (Acetate) ที่พบมากที่สุดใน SCFAs และถูกใช้เป็นพลังงานโดยตับและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
โพรพิโอเนต (Propionate) ช่วยควบคุมการปล่อยฮอร์โมน ที่เกี่ยวกับความอยากอาหารและลดการอักเสบในลำไส้
กรดไขมันทั้ง 3 ชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพลำไส้ในร่างกาย โดยเฉพาะบิวทิเรต (Butyrate) ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากนักวิจัย เพราะมันมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสมดุลของไมโครไบโอมในลำไส้และมีผลต่อการทำงานของหลอดเลือด สารนี้สามารถช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด รวมถึงยังช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในลำไส้และการสร้างสารที่ช่วยป้องกันการเกิดความดันโลหิตสูงในระยะยาว
การศึกษาข้อมูลจากสภายุโรปเพื่อข้อมูลอาหาร (European Food Information Council: EUFIC) พบว่า ลำไส้กับโรคหัวใจ ไม่ได้แยกออกจากกันอย่างที่หลายคนเคยคิด ไมโครไบโอมในลำไส้มีผลต่อสุขภาพหัวใจโดยตรง โดยการมีจุลินทรีย์ที่สมดุลจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง จุลินทรีย์บางชนิดสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และลดความดันโลหิตได้ ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจในระยะยาว การรักษาความสมดุลของไมโครไบโอมในลำไส้จึงไม่เพียงแต่มีผลต่อการย่อยอาหารหรือการควบคุมการอักเสบในร่างกาย แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านการรับประทานพรีไบโอติกและโพรไบโอติก ที่ช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้
แนวทางการบริโภคอาหารที่เหมาะสม สามารถช่วยปรับสมดุลไมโครไบโอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ในการรับประทานอาหาร ซึ่งไฟเบอร์ช่วยเสริมสร้างจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการลดโปรตีนสัตว์ที่มีไขมันอิ่มตัวสูงก็สามารถลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยควรเลือกแหล่งโปรตีนจากพืช เช่น ถั่ว เมล็ดพืช และธัญพืชต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อให้การทำงานของไมโครไบโอมในร่างกายมีความสมดุลและดีต่อสุขภาพหัวใจ
สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ พรีไบโอติกและโพรไบโอติก ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญในการดูแลระบบทางเดินอาหารและการทำงานของไมโครไบโอมในลำไส้ โดยพรีไบโอติกจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ในขณะที่โพรไบโอติกจะช่วยเติมเต็มจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ การรับประทานอาหารที่มีพรีไบโอติก เช่น กระเทียม หัวหอม และกล้วย เป็นต้น รวมถึงการบริโภคโยเกิร์ตและอาหารที่มีโพรไบโอติก สามารถช่วยรักษาสมดุลของไมโครไบโอมและส่งเสริมสุขภาพหัวใจ
การมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงจากภายในนั้น ต้องการการดูแลที่ครบวงจร ตั้งแต่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีพรีไบโอติก หรืออาหารที่ดีต่อไมโครไบโอม ไปจนถึงการออกกำลังกายเพื่อหัวใจอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการ ทําประกันโรคร้ายแรง ก็เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ช่วยสร้างความอุ่นใจได้เป็นอย่างดี การมีประกันโรคร้ายแรง จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การป้องกันจากโรคที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินเพื่อรับมือกับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและสุขภาพ
ไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหารมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากแบคทีเรียและจุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ มีผลต่อการอักเสบและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวิจัยหลายชิ้นพบว่าความสมดุลของไมโครไบโอมในลำไส้สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ โดยการควบคุมระดับไขมันในเลือดและการลดการอักเสบที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจ
โพรไบโอติกหรือแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจ การทานโพรไบโอติกสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ โดยช่วยปรับสมดุลของไมโครไบโอมที่มีผลโดยตรงกับการทำงานของหัวใจ เช่น การลดการอักเสบในหลอดเลือดและการปรับปรุงการไหลเวียนเลือด
มีการศึกษาของคณะนักวิจัยจาก MIT และประเทศเยอรมัน ที่ได้ข้อสรุปว่า โพรไบโอติกช่วยลดความดันโลหิตในผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงได้จริง ซึ่งมีการศึกษาจากคณะนักศึกษาวิจัยจากจีน ในเว็ปไซต์สถาบันสุขภาพแห่งชาติ ที่ช่วยสนับสนุนว่าโพรไบโอติกสามารถปรับปรุงสมดุลของไมโครไบโอมและลดระดับความดันโลหิตได้ โดยช่วยลดระดับสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความดันโลหิต
การตรวจสุขภาพลำไส้เป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันโรคหัวใจ โดยเริ่มจากการตรวจสอบความสมดุลของไมโครไบโอมที่อาจช่วยให้เราทราบถึงปัญหาหรือความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพหัวใจ คำแนะนำคือการทานอาหารที่มีเส้นใยสูงและมีการใช้โพรไบโอติกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมการทำงานที่ดีของระบบทางเดินอาหารและลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
การเสริมสร้างไมโครไบโอมที่แข็งแรงนั้นสามารถทำได้ด้วยการทานอาหารที่มีโพรไบโอติก เช่น โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ที่ดี หรืออาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ เช่น ผักผลไม้ ธัญพืช และถั่ว เป็นต้น ซึ่งช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ นอกจากนี้พรีไบโอติกจากอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น กระเทียม หัวหอม และกล้วย เป็นต้น ยังสามารถช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของไมโครไบโอมที่ดีในลำไส้
จะเห็นได้ว่าไมโครไบโอมหรือจุลินทรีย์ในร่างกายมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของเราไม่น้อย ซึ่งก็มีการเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างสุขภาพลำไส้และโรคหัวใจที่เราไม่ควรมองข้าม เมื่อเรามีการดูแลไมโครไบโอมที่ดี เช่น การบริโภคพรีไบโอติก หรืออาหารที่ส่งเสริมการเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ซึ่งเป็นโรคที่ส่งผลต่อชีวิตมากที่สุดในปัจจุบัน
การเข้าใจบทบาทของไมโครไบโอมในระบบหัวใจและหลอดเลือด จึงช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตได้ เช่น การดูแลสุขภาพลำไส้ด้วยการทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง และการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ระบบการทำงานของหัวใจมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีประโยชน์ในระยะยาว นอกจากนี้การเลือกประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงก็มีความสำคัญเช่นกัน เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางการเงินและการดูแลสุขภาพในกรณีที่เกิดปัญหาสุขภาพหัวใจนั่นเอง
ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้งโปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากโบรชัวร์และกรมธรรม์ประกันภัย
ทั้งนี้ การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ของบริษัทฯ
Co-payment คืออะไร เข้าใจก่อนเลือกซื้อประกันสุขภาพ
รู้จัก 6 โรคร้ายแรงยอดฮิตที่ผู้หญิงควรระวัง และวิธีลดความเสี่ยง
คู่มือเลือกประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง
ติดต่อเรา
ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ปกป้อง ดูแลคุณ
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ