การเลือกซื้อประกันสุขภาพมีรายละเอียดและเงื่อนไขมากมายที่ต้องทำความเข้าใจ โดยเฉพาะหากไม่เคยทำประกันสุขภาพมาก่อน ก็อาจจะมีคำถามด้านความคุ้มครอง การจ่ายสินไหม และอื่น ๆ และยิ่งในปัจจุบันยังมีกฏเกณฑ์ใหม่ ๆ สำหรับประกันสุขภาพ ที่เพิ่งมีผลบังคับอย่าง "Co-payment" หรือ "การมีส่วนร่วมจ่าย" ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่คุ้นชินกัน โดยบทความนี้จะอธิบายความหมาย ความสำคัญ และทุกสิ่งที่ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับประกันสุขภาพแบบ Co-payment เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกประกันสุขภาพได้อย่างชาญฉลาด
 

Co-payment คือ การมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลในแต่ละครั้งที่ใช้บริการทางการแพทย์ที่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ โดยผู้เอาประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในสัดส่วนตามเปอร์เซนต์ที่กำหนดไว้ ซึ่งได้มีการกำหนดและระบุเงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่ายไว้ในกรมธรรม์ประกันสุขภาพ
 

หลาย ๆ คนกำลังคิดว่าเลือกทำประกันสุขภาพแบบไหนดีระหว่าง Co-payment กับ Deductible ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
 

• จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติม หากเข้าเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
• เป็นการร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามเปอร์เซนต์ที่กำหนดไว้แน่นอน ตามเงื่อนไขประกันสุขภาพ เช่น การมีส่วนร่วมจ่าย 30% หรือ การมีส่วนร่วมจ่าย 50%
• เหมาะสำหรับคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และไม่ได้ใช้บริการทางแพทย์บ่อย ๆ
• ค่าเบี้ยประกันแบบ Co-payment จะมีราคาถูกกว่าประกันสุขภาพทั่วไป
   

• ผู้ทำประกันจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนแรกซึ่งเป็นจำนวนเงินที่แน่นอน ตามจำนวนที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
• เมื่อผู้เอาประกันชำระความรับผิดส่วนแรกครบแล้ว ค่ารักษาพยาบาลหลังจากนั้น ทางบริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลือตามเงื่อนไขกรมธรรม์
• ค่าเบี้ยประกันแบบ Deductible จะมีราคาถูกกว่าประกันสุขภาพทั่วไป
  
  

เพื่อให้เข้าใจการทำงานของ Co-payment มากขึ้น ลองพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้

หากคุณมีประกันสุขภาพแบบ Co-payment ซึ่งมีส่วนร่วมจ่ายที่ 50% ดังนั้น หากคุณเข้าเงื่อนไข Co-payment และเข้ารับการรักษาและมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น โดยมียอดค่ารักษาพยาบาลที่ 10,000 บาท คุณจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง 5,000 หรือ คิดเป็น 50% ของยอดทั้งหมด โดยบริษัทประกันจะออกค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลือ คืออีก 5,000 บาท หรือ 50% ในครั้งนั้น
 

เมื่อพิจารณาแผนประกันสุขภาพที่มี Co-payment ควรคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้

1.     สถานะทางการเงิน : จำเป็นต้องมีการวางแผนการเงินที่ชัดเจน เนื่องจากคุณจะต้องมีส่วนร่วมในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลทุกครั้งซึ่งจำนวนเงินที่คุณจะจ่ายขึ้นอยู่กับค่ารักษาพยาบาลในแต่ละครั้งซึ่งอาจแตกต่างกัน

2.     ความถี่ในการใช้บริการทางการแพทย์ : หากปกติแล้วต้องพบแพทย์บ่อย คุณจะต้องมีส่วนร่วมในการจ่ายรักษาพยาบาลทุกครั้งที่ใช้บริการทางการแพทย์ 

3.     การเปรียบเทียบระหว่างเบี้ยประกันและ Co-payment : หากพิจารณาแล้วว่าเรามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ประกันสุขภาพแบบ Co-payment อาจตอบโจทย์คุณ
 

หากมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่มี Co-payment นี่คือกลยุทธ์บางประการที่อาจช่วยให้คุณวางแผนการเงินจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1.     จัดตั้งบัญชีเงินฝากสำหรับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ : ออมเงินไว้สำหรับสำรองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

2.     ใช้บริการทางการแพทย์อย่างชาญฉลาด : เลือกใช้บริการเมื่อจำเป็นและเลือกสถานพยาบาลที่เหมาะสมกับความต้องการ

3.     ตรวจสอบและเปรียบเทียบราคา : ควรเลือกโรงพยาบาลที่เหมาะสมกับตนเองที่สามารถจ่ายไหวและไม่รักษาเกินความจำเป็น

4.    พิจารณาบัตรเครดิตสำหรับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ : บางบัตรเครดิตมีโปรแกรมผ่อนชำระสำหรับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์
 

สนใจประกันสุขภาพจาก ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต คลิก

Co-payment เป็นองค์ประกอบสำคัญของประกันสุขภาพที่มีผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายที่อาจเหมาะสมกับผู้ที่มีการวางแผนทางการเงินและใช้บริการทางการแพทย์ไม่บ่อย ดังนั้นการเข้าใจหลักการทำงานของ Co-payment จะช่วยให้เลือกแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณ เมื่อเปรียบเทียบแผนประกันสุขภาพ แม้ว่าการเลือกประกันสุขภาพแบบ Co-payment จะทำให้เบี้ยประกันถูกลง แต่จะต้องให้พิจารณาค่าใช้จ่ายโดยรวมนอกเหนือจากเบี้ยประกันและข้อจำกัดความคุ้มครองต่าง ๆ ด้วย

สุดท้ายนี้ การตัดสินใจเลือกแผนประกันสุขภาพที่มี Co-payment ควรขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งสถานะทางการเงิน ประวัติสุขภาพ ความถี่ในการใช้บริการทางการแพทย์ และความสามารถในการรับความเสี่ยงทางการเงิน การปรึกษากับที่ปรึกษาประกัน หรือตัวแทนประกันที่มีประสบการณ์อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

การเข้าใจ Co-payment อย่างถ่องแท้จะช่วยให้ทุกคนสามารถเตรียมพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และเลือกความคุ้มครองประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณของคุณอย่างแท้จริง