ข้ามไปหน้าหลัก
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

Personal Color 101 ศาสตร์ของสีที่ใช่ จะช่วยเปลี่ยนบุคลิกภาพของคุณไปตลอดกาล

07/2025
Personal Color 101 ศาสตร์ของสีที่ใช่ จะช่วยเปลี่ยนบุคลิกภาพของคุณไปตลอดกาล


Personal Color หรือโทนสีประจำตัว เป็นแนวคิดที่ว่าแต่ละคนมีชุดสีที่เหมาะสมกับตนเองโดยเฉพาะ ซึ่งเมื่อใช้สีเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ ทำให้ผิวพรรณดูสดใส และสร้างความมั่นใจให้กับผู้สวมใส่ แนวคิดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องของเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการแต่งหน้า ทรงผม และแม้กระทั่งการตกแต่งบ้านหรือที่ทำงาน  

ความสำคัญเบื้องต้นของโทนสี Personal Color ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ทั้งในแง่ของลักษณะทางกายภาพและบุคลิกภาพ การรู้จัก Personal Color ของตัวเองจะช่วยประหยัดเวลาและงบประมาณในการเลือกซื้อเสื้อผ้าหรือเครื่องสำอาง เพราะเราจะรู้ว่าอะไรเหมาะกับเรา และอะไรไม่เหมาะ นอกจากนี้ Personal Color ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างความประทับใจในแรกพบ ไม่ว่าจะเป็นในการสัมภาษณ์งาน การพบปะลูกค้า หรือแม้แต่การออกเดท การเลือกใช้สีที่เหมาะสมกับตัวเองจะช่วยสื่อสารบุคลิกภาพและความเป็นมืออาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพูดแม้แต่คำเดียว ซึ่งในปัจจุบันที่การแข่งขันในตลาดแรงงานสูง การเข้าใจและใช้ประโยชน์จาก Personal Color จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความแตกต่างและเพิ่มความโดดเด่น ช่วยให้เราสามารถนำเสนอตัวเองได้อย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญไม่แพ้ทักษะหรือประสบการณ์ในการทำงาน
 

ประวัติความเป็นมาของ Personal Color จากแนวคิดสู่ศาสตร์แห่งสีสัน

แนวคิดเรื่องโทนสี Personal Color ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ แต่มีรากฐานย้อนกลับไปถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยจุดเริ่มต้นของแนวคิดนี้มาจาก  Albert Munsell ศิลปินชาวอเมริกัน ผู้คิดค้นระบบสีที่เป็นมาตรฐานและใช้กันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน  

ในช่วงทศวรรษ 1940 Johannes Itten นักทฤษฎีสีชาวสวิส ได้นำแนวคิดนี้มาต่อยอด โดยเขาสังเกตว่านักเรียนศิลปะของเขามักจะเลือกใช้สีที่เข้ากับสีผิวและเส้นผมของตัวเองโดยธรรมชาติ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงระหว่างสีกับบุคลิกภาพของแต่ละคน 

ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1980 Carole Jackson ได้เผยแพร่หนังสือ "Color Me Beautiful" ซึ่งทำให้แนวคิด Personal Color กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง  
เธอแบ่งสีออกเป็น 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว โดยเชื่อมโยงกับลักษณะของแต่ละบุคคล เมื่อเวลาผ่านไป แนวคิด Personal Color ก็ยิ่งได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้ละเอียดมากขึ้น จากระบบ 4 ฤดู ก็แตกย่อยออกเป็น 12 ฤดู และในปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์สีที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลอย่างแม่นยำมากขึ้น

ซึ่งในประเทศไทย แนวคิด Personal Color เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในวงการแฟชั่นและความงาม มีการเปิด 
คอร์สอบรม Personal Color Consultant และบริการวิเคราะห์สีส่วนบุคคลมากมาย แสดงให้เห็นถึงความสนใจของคนไทยที่มีต่อศาสตร์แห่งสีสันนี้ จากจุดเริ่มต้น 
ที่เป็นเพียงแนวคิดในวงการศิลปะ Personal Color ได้พัฒนามาเป็นศาสตร์ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ จิตวิทยา และวิทยาศาสตร์ ที่มีอิทธิพลต่อการแต่งกาย การแต่งหน้า และการสร้างภาพลักษณ์ของผู้คนทั่วโลก รวมถึงในสังคมไทยด้วย การเข้าใจประวัติความเป็นมาของ Personal Color ช่วยให้เราเห็นถึงพัฒนาการและความสำคัญที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของศาสตร์นี้ในชีวิตประจำวัน
 

หลักการพื้นฐานของ Personal Color

หลักการพื้นฐานของ Personal Color นั้นเริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่า สีที่เหมาะสมกับแต่ละคนนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะทางกายภาพเฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีผิว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการกำหนด Personal Color ของแต่ละบุคคล ซึ่งสีผิวของมนุษย์นั้นมีความหลากหลายมาก แต่โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ สีผิวโทนอุ่น (Warm undertone) และสีผิวโทนเย็น (Cool undertone) โดยคนที่มีสีผิวโทนอุ่นจะมีเส้นเลือดสีเขียวมองเห็นได้ชัดเจน ในขณะที่คนที่มีสีผิวโทนเย็นจะมีเส้นเลือดสีน้ำเงินที่เห็นได้ชัดกว่า นอกจากสีผิวแล้ว โทนสีของเส้นผมและดวงตาก็มีส่วนสำคัญในการกำหนด Personal Color เช่นกัน โดยทั่วไป  
คนที่มีผมสีน้ำตาลเข้มหรือดำ และตาสีน้ำตาลเข้มมักจะเหมาะกับโทนสีอุ่น ในขณะที่คนที่มีผมสีอ่อนและตาสีฟ้าหรือเขียวมักจะเหมาะกับโทนสีเย็น
 

การแบ่งกลุ่มสีใน Personal Color นั้นจะแบ่งออกเป็น 4 ฤดูหลัก ได้แก่

  1. Spring (ฤดูใบไม้ผลิ): เหมาะกับคนที่มีสีผิวโทนอุ่น เน้นสีสดใส สว่าง เช่น สีเหลือง สีส้ม สีชมพูอ่อน เป็นต้น
  2. Summer (ฤดูร้อน): เหมาะกับคนที่มีสีผิวโทนเย็น เน้นสีพาสเทล นุ่มนวล เช่น สีฟ้าอ่อน สีม่วงอ่อน สีชมพูอ่อน เป็นต้น
  3. Autumn (ฤดูใบไม้ร่วง): เหมาะกับคนที่มีสีผิวโทนอุ่น เน้นสีอบอุ่น เช่น สีน้ำตาล สีส้มอิฐ สีเขียวมะกอก เป็นต้น
  4. Winter (ฤดูหนาว): เหมาะกับคนที่มีสีผิวโทนเย็น เน้นสีเข้ม คมชัด เช่น สีน้ำเงินเข้ม สีม่วงเข้ม สีแดงสด เป็นต้น
     


การเข้าใจหลักการพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเลือกสีเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และเครื่องประดับที่เหมาะกับตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ดูสดใส มีชีวิตชีวา และมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม
 

ประเภทของ Personal Color

Personal Color แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลักตามฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) ฤดูร้อน (Summer) ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) และฤดูหนาว (Winter) แต่ละกลุ่มมีลักษณะเฉพาะที่สะท้อนถึงโทนสีผิว เส้นผม และดวงตาของแต่ละบุคคล 

  • Spring (ฤดูใบไม้ผลิ)

ผู้ที่อยู่ในกลุ่มนี้มักมีผิวโทนอุ่น สว่างสดใส เส้นผมสีทองหรือน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีฟ้า เขียว หรือน้ำตาลอ่อน สีที่เหมาะกับกลุ่มนี้คือ โทนสดใส เช่น สีเหลือง สีส้ม สีชมพูอ่อน หรือสีเขียวอ่อน

  • Summer (ฤดูร้อน)

คนกลุ่มนี้มักมีผิวโทนเย็น สีอ่อนนวล เส้นผมสีบลอนด์หรือน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีฟ้า เทา หรือน้ำตาล สีที่เหมาะคือ โทนเย็นและนุ่มนวล เช่น สีฟ้าอ่อน สีม่วงอ่อน หรือสีชมพูกุหลาบ

  • Autumn (ฤดูใบไม้ร่วง)

ผู้ที่อยู่ในกลุ่มนี้มักมีผิวโทนอุ่น สีแทน เส้นผมสีน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลทอง ดวงตาสีน้ำตาลหรือเขียว สีที่เหมาะคือ โทนอบอุ่นและลึก เช่น สีส้มอิฐ สีเขียวมะกอก หรือสีน้ำตาลทอง เป็นต้น

  • Winter (ฤดูหนาว)

คนกลุ่มนี้มักมีผิวโทนเย็น สีขาวหรือขาวซีด เส้นผมสีดำหรือน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหรือดำ สีที่เหมาะคือ โทนเย็นและคมชัด เช่น สีน้ำเงินเข้ม สีม่วงเข้ม หรือสีแดงสด  

การรู้จัก Personal Color ของตนเองช่วยให้เราเลือกเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และเครื่องประดับที่เข้ากับสีผิวและบุคลิกได้อย่างลงตัว ส่งเสริมให้ดูสดใส มีเสน่ห์ และมั่นใจมากขึ้นในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในออฟฟิศหรือการออกงานสังคมต่าง ๆ
 

วิธีการค้นหา Personal Color ของตัวเอง

การค้นพบ Personal Color ของตัวเองเป็นเหมือนการเปิดประตูสู่โลกใหม่ของการแต่งตัวและการแสดงออกทางบุคลิกภาพ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าจะเริ่มต้นการวิเคราะห์ ค้นหา Personal Color ที่เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างไร?  แต่ไม่ต้องกังวลไป เรามีเทคนิคง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง หรือหากต้องการความแม่นยำสูงสุด การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน
 

เทคนิคการวิเคราะห์สีผิว

การวิเคราะห์สีผิวเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการค้นหา Personal Color ขเริ่มจากการสังเกตสีผิวของตัวเองในแสงธรรมชาติ โดยไม่แต่งหน้าว่าสีผิวของคุณมีโทนอุ่นหรือโทนเย็น?

  • โทนอุ่น: หากผิวของคุณมีสีเหลืองหรือทองแดงเป็นพื้นฐาน คุณอาจจะอยู่ในกลุ่มโทนอุ่น

  • โทนเย็น: ถ้าผิวของคุณมีสีชมพูหรือฟ้าอ่อน ๆ แทรกอยู่ คุณอาจจะเป็นโทนเย็น

นอกจากนี้ ให้สังเกตสีของเส้นเลือดที่ข้อมือ หากเห็นเป็นสีเขียว แสดงว่าคุณมีแนวโน้มเป็นโทนอุ่น แต่ถ้าเห็นเป็นสีฟ้าหรือม่วง คุณอาจจะเป็นโทนเย็น
 

การทดสอบด้วยตัวเอง

คุณสามารถทำการทดสอบอย่างง่ายได้ด้วยตัวเองดังนี้

  1. ทดสอบด้วยผ้า: ลองนำผ้าสีขาวบริสุทธิ์และสีครีมมาวางข้างใบหน้า สังเกตว่าสีไหนทำให้ผิวคุณดูสดใสกว่ากัน ถ้าสีขาวทำให้คุณดูดีขึ้น คุณอาจจะเป็นโทนเย็น แต่ถ้าสีครีมเข้ากับคุณมากกว่า คุณอาจจะเป็นโทนอุ่น
  2. ทดสอบด้วยเครื่องประดับ: ลองสวมเครื่องประดับสีเงินและสีทอง สังเกตว่าสีไหนเข้ากับผิวของคุณมากกว่า โดยทั่วไป คนที่เป็นโทนเย็นมักจะดูดีกับเครื่องประดับสีเงิน ส่วนคนโทนอุ่นมักจะเข้ากับสีทอง
  3. ทดสอบด้วยเสื้อผ้า: ลองสวมเสื้อสีต่าง ๆ และสังเกตว่าสีไหนทำให้คุณดูสดใส และสีไหนทำให้คุณดูอ่อนล้าหรือซีด
     

การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณต้องการความแม่นยำสูงสุด การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน Personal Color เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เทคนิคและเครื่องมือเฉพาะทางในการวิเคราะห์ เช่น

  • การใช้ผ้าสี: ผู้เชี่ยวชาญจะใช้ผ้าสีต่าง ๆ มาทาบกับใบหน้าของคุณเพื่อดูว่าสีไหนเข้ากับคุณมากที่สุด

  • การวิเคราะห์แบบละเอียด: พิจารณาทั้งสีผิว สีตา และสีผมของคุณเพื่อหา Personal Color ที่เหมาะสมที่สุด

  • คำแนะนำเฉพาะบุคคล: คุณจะได้รับคำแนะนำที่ปรับให้เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ รวมถึงเฉดสีที่เหมาะกับคุณในการแต่งหน้าและเลือกเสื้อผ้า

การค้นหา Personal Color ของตัวเองอาจต้องใช้เวลาและความพยายามบ้าง แต่เมื่อคุณค้นพบสีที่ใช่แล้ว จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนวิธีที่คุณมองตัวเองและเลือกเครื่องแต่งกายไปตลอดกาล เมื่อเจอ Personal Color ที่ใช่ คุณจะรู้สึกได้ถึงความมั่นใจและการเป็นตัวของตัวเองที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
 

ความสำคัญของ Personal Color ในชีวิตประจำวัน

Personal Color ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่นหรือความสวยความงามเท่านั้น แต่มีความสำคัญอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตประจำวันของเราทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการแต่งกาย การแต่งหน้า และความมั่นใจ เป็นต้น 

ในด้านการแต่งกาย Personal Color ช่วยให้เราเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสีผิวและบุคลิกของเราได้อย่างลงตัว เมื่อเราสวมใส่เสื้อผ้าที่เข้ากับ Personal Color ของเรา จะทำให้ผิวพรรณดูสดใส สุขภาพดี และดูอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้เราประหยัดเวลาและเงินในการเลือกซื้อเสื้อผ้า เพราะเราจะรู้ว่าสีไหนเหมาะกับเรา และไม่ต้องเสียเงินซื้อเสื้อผ้าที่ไม่เข้ากับตัวเอง

สำหรับการแต่งหน้า Personal Color ทำให้สามารถเลือกโทนสีเครื่องสำอางที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นสีลิปสติก อายแชโดว์ หรือบลัชออน การใช้สีที่เข้ากับ Personal Color จะช่วยเสริมให้ใบหน้าดูสดใส เปล่งปลั่ง และเป็นธรรมชาติ โดยไม่ดูแต่งหนักจนเกินไป ทำให้เรามั่นใจในการแต่งหน้าออกไปทำงานหรือพบปะผู้คนมากขึ้น และที่สำคัญที่สุด Personal Color มีผลต่อความมั่นใจของเราอย่างมาก เมื่อเรารู้ว่าสีอะไรเหมาะกับเรา และแต่งตัวได้ถูกต้องตาม Personal Color ของตัวเอง จะทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง มีความมั่นใจในการพบปะผู้คน และแสดงออกได้อย่างเป็นธรรมชาติ ความมั่นใจนี้จะส่งผลดีต่อการทำงาน การเข้าสังคม และการใช้ชีวิตประจำวัน

การเข้าใจและนำ Personal Color มาใช้ในชีวิตประจำวันจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามภายนอก แต่เป็นการดูแลตัวเองแบบองค์รวม ทั้งร่างกายและจิตใจ ช่วยให้เรามีความสุขและประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ ผู้บริหาร หรือประกอบอาชีพใดก็ตาม การรู้จัก Personal Color ของตัวเองจะช่วยยกระดับความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคุณได้อย่างเหลือเชื่อ ในบทความนี้ เราจะมาลองเจาะลึกถึงความสําคัญของ Personal Color ที่มีต่อการแต่งกายสําหรับพนักงานออฟฟิศกัน
 

Personal Color กับการแต่งกายสำหรับพนักงานออฟฟิศ

สำหรับพนักงานออฟฟิศ การแต่งกายไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสารถึงความเป็นมืออาชีพและบุคลิกภาพของคุณด้วย ซึ่งการนำหลัก Personal Color มาประยุกต์ใช้กับการแต่งกายในที่ทำงาน จะช่วยให้คุณโดดเด่นอย่างมีสไตล์ในแบบของตัวเองที่เหมาะสมกับบรรยากาศการทำงาน
 

การเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม

เมื่อคุณรู้ Personal Color ของตัวเอง การเลือกเสื้อผ้าสำหรับใส่ทำงานจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป หากลองนึกภาพว่าคุณเป็นสาวออฟฟิศที่มี Personal Color เป็นโทนฤดูใบไม้ร่วง สีที่เหมาะกับคุณจะเป็นโทนอบอุ่นอย่างน้ำตาล ส้ม หรือเขียวมะกอก คุณอาจเลือกเสื้อเชิ้ตสีครีมอ่อนคู่กับกางเกงสแล็คสีน้ำตาลเข้ม หรือชุดเดรสสีส้มอิฐที่ดูสุภาพแต่มีเสน่ห์
 


สำหรับหนุ่มออฟฟิศที่มี Personal Color เป็นโทนฤดูหนาว การเลือกสูทสีเทาเข้มหรือน้ำเงินเข้มจะช่วยเสริมบุคลิกให้ดูน่าเชื่อถือ ส่วนเนกคไทอาจเลือกเป็นสีแดงเบอร์กันดีหรือม่วงเข้มเพื่อเพิ่มความมีสไตล์
 


การใช้ Personal Color ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องใส่สีสันฉูดฉาดเสมอไป แม้แต่โทนสีเรียบ ๆ อย่างขาว เทา หรือดำ ก็สามารถเลือกให้เข้ากับ Personal Color ของคุณได้ โดยดูจากความอ่อน-เข้ม และความอุ่น-เย็นของสี
 

การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในที่ทำงาน

การแต่งกายด้วย Personal Color ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ทำให้คุณดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความประทับใจในครั้งแรกและเสริมความมั่นใจให้กับคุณด้วย ลองนึกถึงวันที่คุณต้องนำเสนองานสำคัญ การสวมใส่เสื้อผ้าที่เข้ากับสีผิวและบุคลิก จะช่วยให้คุณรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีส่วนทําให้การนำเสนองานเต็มไปด้วยความมั่นใจ เมื่อมั่นใจแล้ว การนําเสนอก็จะเป็นไปอย่างราบรื่นได้ นอกจากนี้ การใช้ Personal Color ยังช่วยสร้างเอกลักษณ์ในการแต่งกายของตัวเองได้ แม้ในออฟฟิศที่มีกฎการแต่งกายค่อนข้างเคร่งครัด คุณเองก็ยังสามารถแสดงความเป็นตัวคุณผ่านการเลือกใช้สีที่เหมาะสมได้ เช่น การเลือกเครื่องประดับอย่างกระเป๋า รองเท้า ที่มีสีสันสอดคล้องกับ Personal Color ของคุณ นอกจากนี้ การแต่งกายด้วย Personal Color ที่ถูกต้องยังช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้น ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในที่ทำงาน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องพบปะลูกค้าหรือเข้าร่วมการประชุมสำคัญ ภาพลักษณ์ที่สดใสและเป็นมืออาชีพจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเปิดโอกาสในการทำงานให้กับคุณมากขึ้น

ท้ายที่สุด การใช้ Personal Color ในการแต่งกายสำหรับพนักงานออฟฟิศ ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่น แต่เป็นการลงทุนในตัวคุณเอง ที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และเพิ่มโอกาสความสำเร็จในหน้าที่การงานของคุณได้ เป็นต้น ดังนั้น ในครั้งต่อไปที่คุณเลือกชุดทำงาน อย่าลืมนำหลัก Personal Color มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้คุณเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเองในทุก ๆ วัน
 

การใช้ Personal Color ในการแต่งหน้า

การแต่งหน้าเป็นศิลปะที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับเราได้อย่างมาก แต่รู้หรือไม่ว่า การเลือกใช้สีให้เหมาะกับ Personal Color ของเราจะยิ่งช่วยขับให้ใบหน้าดูสดใส เปล่งประกาย และเป็นธรรมชาติมากขึ้น
 

เทคนิคการเลือกเครื่องสำอาง

การเลือกเครื่องสำอางให้เข้ากับ Personal Color ของคุณไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มจากการเลือกรองพื้นที่มีอันเดอร์โทนตรงกับสีผิวของคุณ หากคุณมีผิวโทนอุ่น ให้เลือกรองพื้นที่มีอันเดอร์โทนเหลือง ส่วนคนผิวโทนเย็นควรเลือกรองพื้นที่มีอันเดอร์โทนชมพู สำหรับอายแชโดว์ ลิปสติก และบลัชออน ให้เลือกโทนสีที่อยู่ในกลุ่ม Personal Color ของคุณ เช่น หากคุณเป็นคน Spring ให้เลือกสีสดใส อย่างส้ม พีช หรือโทนพาสเทล ส่วนคน Winter อาจเลือกสีเข้มอย่างแดงเชอร์รี่ หรือม่วงเข้ม
 

การสร้างลุคที่เหมาะสมกับสีผิว

การแต่งหน้าให้เหมาะกับสีผิวไม่ได้หมายความว่าต้องใช้สีเดียวกับผิวเท่านั้น แต่เป็นการเลือกสีที่ช่วยขับให้ผิวดูสว่างสดใส ไม่หมองคล้ำ โดยสามารถแบ่งการเลือกเครื่องสำอางในการแต่งหน้าได้ตามตัวอย่าง ดังนี้

1. การเลือกบลัชออน ตัวอย่างของการเลือกสีบลัชออนให้เหมาะกับสีผิวสามารถแบ่งได้คร่าว ๆ ดังต่อไปนี้

  • คนผิวสองสี ควรเลือกบลัชออนโทนส้มอ่อน ๆ หรือพีช เพื่อเพิ่มความสดใสให้กับใบหน้า
  • คนผิวขาวเหลือง อาจเลือกบลัชออนโทนชมพูอ่อน หรือส้มอมชมพู เพื่อให้ดูสุขภาพดีและเป็นธรรมชาติ

2. การเลือกสีในการแต่งตา ควรเลือกอายแชโดว์ที่มีความกลมกลืนกับสีผิว แต่มีความคอนทราสต์เล็กน้อยเพื่อให้ดวงตามีความโดดเด่น

  • คนผิวสองสีอาจเลือกใช้สีน้ำตาลทอง หรือทองแดง
  • คนผิวขาวเหลืองอาจเลือกสีชมพูนู้ด หรือสีพีช

3. การเลือกลิปสติกก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยสามารถเลือกสีลิปสติกให้เหมาะกับสีผิว ได้ดังต่อไปนี้

  • คนผิวสองสีมักจะเหมาะกับลิปสติกโทนส้ม แดงอิฐ หรือน้ำตาลอมแดง 
  • คนผิวขาวเหลืองอาจเลือกสีชมพูนู้ด หรือแดงอมชมพู
     

ซึ่งการใช้ Personal Color ในการแต่งหน้าไม่ได้จำกัดความคิดสร้างสรรค์ของคุณ แต่เป็นแนวทางที่ช่วยให้คุณเลือกสีที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้น ทำให้การแต่งหน้าในแต่ละวันเป็นเรื่องสนุก และช่วยเสริมความมั่นใจให้คุณพร้อมเผชิญกับทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการประชุมสำคัญ หรือการพบปะสังสรรค์กับเพื่อน
 

Personal Color กับการเลือกทรงผมและสีผม

การเลือกทรงผมและสีผมที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพของคุณเท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าของคุณได้อย่างน่าทึ่ง เมื่อคุณเข้าใจ Personal Color ของตัวเอง คุณจะสามารถเลือกสีผมที่เข้ากับสีผิวและทรงผมที่เสริมบุคลิกภาพได้อย่างลงตัว
 

การเลือกสีผมที่เข้ากับสีผิว

สีผมที่เหมาะสมสามารถทำให้ผิวของคุณดูสว่างสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น ในทางกลับกัน สีผมที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้คุณดูอ่อนเพลียหรือไม่สดชื่น ต่อไปนี้จะเป็นแนวทางในการเลือกสีผมตาม Personal Color ของคุณ

  • โทนร้อน (Warm): หากคุณมีโทนผิวอุ่น ลองเลือกสีผมโทนทอง น้ำตาลอ่อน หรือแดงอมส้ม สีเหล่านี้จะช่วยเสริมความสดใสให้กับใบหน้าของคุณ

  • โทนเย็น (Cool): สำหรับคนที่มีโทนผิวเย็น สีผมโทนเย็นอย่างน้ำตาลเข้ม ดำ หรือบลอนด์เย็นจะช่วยขับผิวให้ดูสว่างสดใสยิ่งขึ้น

  • โทนกลาง (Neutral): ผู้ที่มีโทนผิวกลางมีความยืดหยุ่นมากที่สุด สามารถเลือกได้ทั้งโทนร้อนและเย็น แต่ควรหลีกเลี่ยงสีที่จัดจ้านเกินไป
     

ทรงผมที่เสริมบุคลิกภาพ

นอกจากสีผมแล้ว ทรงผมก็มีส่วนสำคัญในการเสริมบุคลิกภาพของคุณ การเลือกทรงผมควรคำนึงถึงรูปหน้า สไตล์ส่วนตัว และลักษณะการทำงานของคุณด้วย  

  • หน้ากลม: ทรงผมที่มีความยาวระดับคางหรือยาวกว่า พร้อมกับผมหน้าม้าเฉียงจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
     

หน้าเหลี่ยม: ทรงผมที่มีลอนอ่อน ๆ หรือเลเยอร์จะช่วยลดความแข็งของโครงหน้า
 

หน้ารูปไข่: ความพิเศษของหน้าทรงรูปไข่ คือสามารถเลือกทรงผมได้หลากหลาย แต่ทรงผมที่มีวอลลุ่มจะช่วยเสริมความโดดเด่นได้ดี
 

หน้ายาว: ทรงผมที่มีความหนาและมีวอลลุ่มด้านข้างจะช่วยให้ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้น
 

การเลือกทรงผมและสีผมที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยให้ดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย เมื่อรู้สึกดีกับตัวเอง คุณจะสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือในชีวิตส่วนตัว ดังนั้น หันมาใส่ใจกับการเลือกทรงผมและสีผมที่เหมาะกับ Personal Color ของตัวเรา เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความประทับใจในแรกพบที่น่าจดจำกัน
 

Personal Color ในวัฒนธรรมการทำงานของไทย

ในสังคมไทย การแต่งกายและการนำเสนอตัวเองมีความสำคัญอย่างมากในที่ทำงาน โดยเฉพาะในองค์กรที่มีวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม การประยุกต์ใช้ Personal Color จึงต้องคำนึงถึงบริบทและความเหมาะสมเป็นพิเศษ โดยในองค์กรไทยส่วนใหญ่ ยังคงนิยมการแต่งกายที่สุภาพและเรียบร้อย โทนสีที่นิยมมักเป็นสีเข้ม เช่น น้ำเงิน ดำ หรือเทา เป็นต้น การนำ Personal Color มาใช้จึงควรเน้นที่รายละเอียดแม้จะเพียงเล็กน้อย เช่น เนกไท ผ้าพันคอ หรือเครื่องประดับชิ้นเล็ก เพื่อเสริมบุคลิกโดยให้ไม่ดูโดดเด่นจนเกินไป

สำหรับองค์กรที่มีวัฒนธรรมแบบสมัยใหม่ การใช้ Personal Color อาจมีอิสระมากขึ้น แต่ก็ยังต้องระมัดระวังไม่ให้ดูเด่นหรือฉูดฉาดจนเกินงาม การเลือกใช้สีที่เป็นกลางและดูมืออาชีพ แต่แฝงด้วยความเป็นตัวเองผ่าน Personal Color จะช่วยสร้างความประทับใจที่ดีได้

การประยุกต์ใช้ Personal Color ในที่ทำงานไทยยังรวมถึงการเลือกใช้สีในการนำเสนองาน การออกแบบนามบัตร หรือแม้แต่การตกแต่งโต๊ะทำงาน ซึ่งสามารถสะท้อนตัวตนได้โดยไม่ขัดกับวัฒนธรรมองค์กร ดังนั้น การใช้ Personal Color ในวัฒนธรรมการทำงานของไทยควรเป็นไปอย่างสมดุล ระหว่างการแสดงออกถึงความเป็นตัวเองและการเคารพวัฒนธรรมองค์กร การเลือกใช้สีที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความน่าเชื่อถือ และส่งเสริมบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตรได้อย่างลงตัว 
 

Personal Color กับการสร้าง Personal Branding

การสร้าง Personal Branding หรือการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แม้แต่พนักงานออฟฟิศทั่วไปก็สามารถใช้ประโยชน์จาก Personal Color เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและน่าจดจำได้ การใช้สีที่เหมาะสมกับตัวเองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แข็งแกร่ง

เมื่อคุณเข้าใจ Personal Color ของตัวเอง คุณสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเลือกเสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือแม้แต่สีพื้นหลังในโปรไฟล์โซเชียลมีเดียของคุณ การใช้โทนสีที่สอดคล้องกันจะช่วยให้ผู้คนจดจำคุณได้ง่ายขึ้น เช่น หากคุณเป็นคนที่มี Personal Color เป็นโทนอบอุ่น การใช้สีส้ม น้ำตาล หรือทองในการแต่งกายหรือออกแบบนามบัตรจะช่วยสร้างความประทับใจแรกที่แข็งแกร่ง 

นอกจากนี้ การใช้ Personal Color ยังช่วยในการสื่อสารบุคลิกภาพของคุณโดยไม่ต้องพูดออกมา สีเย็นอาจสื่อถึงความเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือ ในขณะที่สีสดใสอาจบ่งบอกถึงความคิดสร้างสรรค์และพลังงานเชิงบวก การเลือกใช้สีให้สอดคล้องกับบุคลิกและเป้าหมายในอาชีพของคุณจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่คุณต้องการนำเสนอ ซึ่งในโลกของการทำงานที่มีการแข่งขันสูง การมีแบรนด์ส่วนบุคคลที่ชัดเจนและน่าจดจำอาจเป็นจุดต่างที่ทำให้คุณโดดเด่นจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์งาน การนำเสนอโปรเจกต์ หรือการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ เป็นต้น ดังนั้น การใช้ Personal Color ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ จะช่วยให้คุณสร้างความประทับใจที่ยาวนาน และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในอาชีพของคุณได้อีกด้วย
 

อนาคตของ Personal Color ในมุมยุคดิจิทัล

เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว Personal Color ก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่กำลังพัฒนาไปพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะทำให้การค้นหาและใช้งาน Personal Color ง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้น

การวิเคราะห์ด้วย AI

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ Personal Color โดยสามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากเพื่อให้คำแนะนำที่แม่นยำ AI สามารถวิเคราะห์โทนสีผิว สีตา และสีผมของคุณผ่านกล้องสมาร์ทโฟน และให้คำแนะนำเกี่ยวกับ Personal Color ที่เหมาะสมกับคุณได้ในเวลาไม่กี่วินาที นอกจากนี้ AI ยังสามารถเรียนรู้และปรับปรุงความแม่นยำจากข้อมูลผู้ใช้จำนวนมาก ทำให้การวิเคราะห์มีความเที่ยงตรงมากขึ้นเรื่อยๆ
 

แอปพลิเคชันและเทคโนโลยีใหม่

แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่เกี่ยวกับ Personal Color กำลังเฟื่องฟู โดยมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย ที่ช่วยวิเคราะห์สีที่เหมาะสมกับแต่ละผู้ใช้งาน เช่น

  1. Virtual Try-On: คุณสามารถลองแต่งหน้า ทำผม หรือใส่เสื้อผ้าในโทนสีต่าง ๆ แบบเสมือนจริงผ่านกล้องสมาร์ทโฟน
  2. Color Matching: แอปพลิเคชันที่สามารถสแกนสีของเสื้อผ้าหรือเครื่องสำอางที่คุณมีอยู่ แล้ะวแนะนำสีที่เข้ากันได้ดีตาม Personal Color ของคุณ
  3. Personalized Shopping: แอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับร้านค้าออนไลน์ แล้วแสดงสินค้าที่มีสีเหมาะกับ Personal Color ของคุณโดยเฉพาะ
     

นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่น่าจับตามอง ตัวอย่างเช่น

  1. Smart Mirrors: กระจกอัจฉริยะที่สามารถวิเคราะห์ Personal Color และให้คำแนะนำการแต่งกายแบบเรียลไทม์
  2. Wearable Devices: อุปกรณ์สวมใส่ที่สามารถตรวจจับสีรอบตัว และแจ้งเตือนเมื่อเจอสีที่เข้ากับ Personal Color ของคุณ
  3. 3D Printing: เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างเครื่องประดับหรืออุปกรณ์เสริมที่มีสีตรงกับ Personal Color ของคุณได้อย่างง่ายดาย

ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหล่านี้ Personal Color จะไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกสีเสื้อผ้าอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล ที่ช่วยให้คุณแสดงตัวตนและสร้างความมั่นใจได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานออฟฟิศ หรือประกอบอาชีพใดก็ตาม การเข้าใจและใช้ประโยชน์จาก Personal Color ในยุคดิจิทัลจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จทั้งในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงานได้อย่างแน่นอน
 

บทสรุป

การรู้จักและเข้าใจโทนสี Personal Color ของตนเองนั้นเปรียบเสมือนการได้ไขกุญแจสำคัญสู่การพัฒนาตนเองในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการแต่งกาย การแต่งหน้า หรือแม้แต่การสร้างภาพลักษณ์ในที่ทำงาน เป็นต้น ประโยชน์ของการรู้จัก Personal Color นั้นมีมากมาย ตั้งแต่การช่วยให้เราเลือกเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่เข้ากับสีผิวและบุคลิกภาพของเราได้อย่างลงตัว ไปจนถึงการช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและการแสดงออกที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น

การประยุกต์ใช้ Personal Color อย่างเหมาะสมนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องยึดติดกับกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดจนลืมความเป็นตัวของตัวเอง แต่เป็นการนำความรู้นี้มาปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และบริบทของเราอย่างสมดุล เช่น ในการทำงานออฟฟิศ เราอาจเลือกใช้เสื้อผ้าโทนสีที่เข้ากับ Personal Color ของเรา แต่ยังคงรักษาความเป็นมืออาชีพตามมาตรฐานของที่ทำงาน หรือในการแต่งหน้า เราอาจเลือกใช้โทนสีที่เข้ากับผิวของเรา แต่ปรับความเข้มของการแต่งหน้าให้เหมาะสมกับโอกาสและสถานที่

สุดท้ายนี้ การรู้จักและใช้ Personal Color อย่างชาญฉลาดจะช่วยให้เราสามารถแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงได้อย่างมั่นใจ สร้างความประทับใจที่ดีต่อผู้พบเห็น และยังช่วยให้เรารู้สึกสบายใจและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นในทุก ๆ วัน การนำ Personal Color มาใช้จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของแฟชั่นหรือความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาตนเองและสร้างความสำเร็จในชีวิตประจำวันและหน้าที่การงานได้อีกด้วย

เรียนรู้วิธีค้นหา Personal Color ที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว อย่าลืมมองหาความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งชีวิต สุขภาพ และการเงินของคุณและคนที่คุณรัก เลือกแบบประกันที่ใช่ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ที่นี่ คลิก
 


ขอบคุณที่มาของข้อมูล

  • Munsell Color System – munsell.com

  • Johannes Itten on Colour Theory – tate.org.uk

  • colormebeautiful

บทความ

รวม 15 อาชีพเสริม ทำเงิน ทำงานที่บ้านได้ รายได้ดี
 

ปัจจุบันค่าครองชีพพุ่งสูง เศรษฐกิจและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีอาชีพเสริมกลายเป็นทางรอดของคนทำงาน หลายคนกำลังมองหา อาชีพเสริม

MBTI กับการวางแผนการเงินเข้าใจ 16 บุคลิกภาพสู่ความมั่งคั่ง

น่าแปลกใจที่บางคนเก็บเงินเก่งโดยไม่ต้องพยายาม ในขณะที่บางคนมีเงินเดือนสูงแต่กลับเก็บเงินไม่อยู่ หรือทำไมหลายคนวางแผนการเงินได้เป๊ะตั้งแต่อายุยังน้อย

เจาะลึก 12 อาชีพอิสระที่ทำรายได้ดี

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การทำงานแบบเดิม ๆ เริ่มไม่ตอบโจทย์ความต้องการของหลาย ๆ คน สังเกตได้จากจำนวนผู้ที่หันมาทำงานอิสระในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา 

ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ปกป้อง ดูแลคุณ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ