บุหรี่ไฟฟ้ากับการหยุดหายใจขณะหลับ ความเชื่อมโยงที่คุณอาจไม่เคยรู้

ปัจจุบัน บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ โดยมีการตลาดที่เน้นว่าเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าและเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ธรรมดา แต่ในความเป็นจริงแล้ว การใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพที่เราคาดไม่ถึง หนึ่งในปัญหาที่ไม่ควรมองข้ามคือภาวะ การหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอย่างที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง โดยเฉพาะในวัยรุ่นและบุคคลที่มีภาวะอ้วนและน้ำหนักเกินที่มีความเสี่ยงสูงต่อปัญหานี้

ในบทความนี้เราจะมาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างบุหรี่ไฟฟ้าและการหยุดหายใจขณะหลับ รวมถึงการดูแลสุขภาพของระบบทางเดินหายใจและวิธีการป้องกันปัญหาดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้น
 

บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการสูบสารนิโคตินโดยไม่ใช้การเผาไหม้เหมือนบุหรี่ธรรมดา ซึ่งอุปกรณ์นี้จะทำการแปลงสารละลายที่มีนิโคตินและสารอื่น ๆ ให้กลายเป็นไอที่สามารถสูดดมได้ บุหรี่ไฟฟ้ามีสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ รวมถึงสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ เช่น โพรไพลีนไกลคอลและกลีเซอรีน ซึ่งสารเหล่านี้จะเข้าสู่ปอดเมื่อสูดดม

การสูบบุหรี่ไฟฟ้าจึงไม่ต่างจากการสูบบุหรี่ธรรมดามากนักในแง่ของการได้รับสารนิโคตินที่มีผลต่อการทำงานของระบบหายใจและหลอดเลือด
 

บหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดามีความแตกต่างกันทั้งในด้านลักษณะการใช้งาน ส่วนประกอบ และผลกระทบต่อสุขภาพ โดยบุหรี่ไฟฟ้าทำงานด้วยการให้ความร้อนกับน้ำยาที่มีนิโคติน กลิ่น และสารอื่น ๆ เพื่อให้กลายเป็นไอ ในขณะที่บุหรี่ธรรมดาทำงานโดยการเผาไหม้ยาสูบ และอาศัยกระบวนการสูดควันเข้าไป ซึ่งควันจากบุหรี่ธรรมดานั้นมีสารพิษหลายพันชนิดและก่อให้เกิดโรคร้ายแรงต่อสุขภาพ อาทิ มะเร็งปอด โรคหัวใจ และโรคทางเดินหายใจ เป็นต้น ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าแม้จะไม่มีควันจากการเผาไหม้ แต่ก็ยังมีสารเคมีที่ชื่อว่า นิโคติน ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในสารเสพติด ที่เป็นอันตรายต่อปอด
 

การหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) คือ ภาวะที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับซึ่งการหายใจจะหยุดชะงักไปชั่วขณะ ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้หลายครั้งในระหว่างคืนและอาจทำให้คุณตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว การหยุดหายใจขณะหลับจะมีผลต่อคุณภาพการนอนหลับและอาจมีผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม มี 3 ประเภทหลักของภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่พบได้ในปัจจุบัน
 

เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการอุดตันของทางเดินหายใจในส่วนของคอหอย ทำให้การหายใจไม่สะดวก ซึ่งอาจเกิดจากการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อในช่องคอทำให้หลอดลมหยุดการไหลเวียนของอากาศ
 

เกิดจากความผิดปกติในการส่งสัญญาณจากสมองไปยังกล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจ ทำให้หายใจหยุดชั่วขณะแม้ว่าทางเดินหายใจจะไม่อุดตัน
 

เป็นภาวะที่ผสมผสานระหว่าง OSA และ Central Sleep Apnea โดยผู้ป่วยมีทั้งการอุดตันของทางเดินหายใจและความผิดปกติในการควบคุมการหายใจจากสมอง

อาการของการหยุดหายใจขณะหลับประกอบด้วยการกรนเสียงดัง การหายใจหยุดชะงักขณะนอนหลับ อาการง่วงนอนในช่วงกลางวัน และอาการปวดหัวตอนเช้า ภาวะนี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และภาวะซึมเศร้าได้
 

การสูบบุหรี่ไฟฟ้าสามารถส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจได้หลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของปอดและหลอดลม ซึ่งสารเคมีในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงต่อไป เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) หรือโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) ซึ่งผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าต่อระบบทางเดินหายใจมี ดังต่อไปนี้
 

สารเคมีที่พบในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำลายเนื้อเยื่อของปอดและหลอดลม ทำให้ปอดสูญเสียความสามารถในการทำงาน และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินหายใจ
 

การสูบไอจากบุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองในคอ หลอดลม และปอด ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการไอเรื้อรัง หากพบว่ามีอาการไอแห้งบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ส่งผลต่อทางเดินหายใจ และอาจจำเป็นต้องใส่ใจสุขภาพทางเดินหายใจมากขึ้น รวมถึงการรับมือกับอาการดังกล่าว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการสูบไอจากบุหรี่ไฟฟ้า

การสูบบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อระบบหลอดเลือด ซึ่งสามารถทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ เนื่องจากนิโคตินมีผลกระทบต่อการเพิ่มความดันโลหิตและการหดตัวของหลอดเลือด

การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในระยะยาวอาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของระบบหายใจ ส่งผลให้ผู้สูบมีปัญหาการหายใจที่ยากลำบาก และอาจทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพที่รุนแรงขึ้นในอนาคต
 

การใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีผลกระทบต่อการทำงานของระบบทางเดินหายใจซึ่งสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้หลายทาง โดยสารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำให้หลอดลมตีบและเพิ่มความดันในหลอดเลือด ซึ่งส่งผลให้การหายใจไม่สะดวก

จากผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามักมีโอกาสเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับสูงขึ้น เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่ไฟฟ้าทำให้กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจอ่อนแรงลง ทำให้หลอดลมอักเสบและตีบแคบ ทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ ซึ่งส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจ โดยเฉพาะเวลานอนหลับ ทำให้มีการสะสมของเสมหะในหลอดลม เสี่ยงต่อการอุดกั้นทางเดินหายใจ
 

การหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ไม่เพียงแต่ทำให้คุณนอนไม่หลับ แต่ยังสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้หลายด้าน โดยเฉพาะเมื่อเป็นภาวะเรื้อรังที่ไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงและเป็นอันตรายได้ เช่น

• โรคหัวใจ การหยุดหายใจที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่ดี ซึ่งสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

• ความดันโลหิตสูง การหยุดหายใจที่บ่อยครั้งทำให้เกิดการขาดออกซิเจนในร่างกาย ซึ่งสามารถเพิ่มความดันโลหิตได้

• ภาวะซึมเศร้า การนอนไม่หลับทำให้เกิดความเครียดและอาการซึมเศร้าได้ เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ

• โรคเบาหวาน การหยุดหายใจขณะหลับมีผลกระทบต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2

นอกจากนี้การขาดการนอนหลับที่เพียงพอยังทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการหลับในขณะขับรถหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ
 

การดูแลสุขภาพและป้องกันการหยุดหายใจขณะหลับสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการรักษาที่เหมาะสม

1. การเลิกสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ธรรมดาหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการหยุดหายใจขณะหลับ การเลิกสูบบุหรี่จะช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้ดีขึ้น
2. การใช้เครื่องช่วยหายใจ (CPAP) สำหรับผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับอย่างรุนแรง การใช้เครื่องช่วยหายใจ CPAP จะช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างและช่วยในการหายใจระหว่างนอนหลับ
3. การนอนในท่าที่เหมาะสม การนอนตะแคงจะช่วยลดความเสี่ยงในการหยุดหายใจขณะหลับ เพราะการนอนหงายอาจทำให้ลิ้นและเพดานปากอุดตันทางเดินหายใจ
4. ลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักโดยเฉพาะในผู้ที่มีน้ำหนักเกินสามารถช่วยลดการอุดตันของทางเดินหายใจในขณะนอนหลับได้
5. การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ การตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อหาความผิดปกติในการหายใจขณะหลับและการรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
    

แม้ว่าจะระวังแค่ไหน โรคร้ายแรงอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว การมี ประกันโรคร้ายแรง เป็นทางเลือกที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง หรือภาวะแทรกซ้อนจาก Sleep Apnea จะมีทุนรองรับค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือผลกระทบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจมีค่าใช้จ่ายสูง ประกันโรคร้ายแรง จะช่วยให้อุ่นใจในด้านการดูแลรักษาในกรณีที่เกิดโรคเรื้อรังหรือภาวะโรคร้ายแรง 

อย่ารอให้ป่วยก่อนถึงจะวางแผน เลือกประกันโรคร้ายแรงที่ตอบโจทย์ชีวิตคุณได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อความอุ่นใจในวันข้างหน้า เลือกประกันโรคร้ายแรงที่ครอบคลุมการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมถึงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

บุหรี่ไฟฟ้าอาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมโยงกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งนำไปสู่โรคร้ายแรงหลายชนิด การดูแลสุขภาพไม่ใช่เรื่องของวันพรุ่งนี้ แต่ควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ พร้อมกับวางแผนทางการเงินด้วย ประกันโรคร้ายแรงตลอดชีพ ซีไอ เอ็กซ์ตร้า พลัส พร้อมให้คุณเอาชนะความเสี่ยงที่อาจมีเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว เริ่มต้นวางแผนสุขภาพและการเงินของคุณวันนี้ ก่อนจะสายเกินไป

ขอบคุณที่มาจาก  
- vimut 
- paolohospital  
- bangkokhospital 
- navavej  
- allwellhealthcare 
- vibhavadi 
- bkksleepcenter