อัปเดตเกณฑ์ใหม่ ประกันรถยนต์สันดาป 2568 ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่

Highlights

• ประกันรถยนต์ เกณฑ์ใหม่ 2568 กำหนดให้รถป้ายแดงต้องทำประกันระบุผู้ขับขี่ตั้งแต่ 1 มิ.ย. 68 และรถทุกคันต้องทำตามภายใน 1 ม.ค. 69
• ประกันระบุผู้ขับขี่ ช่วยให้บริษัทประกันคำนวณเบี้ยตามความเสี่ยงจริง 
• ประกันรถยนต์ระบุผู้ขับขี่ สามารถระบุได้สูงสุด 5 ชื่อต่อกรมธรรม์ และผู้ขับ 1 คนสามารถระบุในรถกี่คันก็ได้
• ส่วนลดระบุผู้ขับขี่ มาจากพฤติกรรมการขับขี่ 5 ระดับ 

แม้ว่าการระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์ประกันรถยนต์อาจไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้ที่ใช้รถมานาน แต่ในปี 2568 ปีนี้ใครที่ออกรถป้ายแดงต้องรู้จักประกันรถยนต์เกณฑ์ใหม่ ที่กำหนดโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ที่กำหนดให้มีการระบุชื่อผู้ขับขี่ด้วย

แต่ประกันรถยนต์เกณฑ์ใหม่นี้ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าไปบ้างแล้วในปี 2567 และมีความสำคัญกับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่เราควรทำความเข้าใจ วันนี้ชับบ์จึงอยากชวนทุกคนมาเตรียมความพร้อมก่อนมีผลบังคับใช้กับรถทุกคันในปี 2569 ที่กำลังจะมาถึงนี้

เกณฑ์ใหม่ ใครขับป้ายแดงต้องระบุชื่อผู้ขับขี่

ตามที่ สำนักงาน คปภ. ได้ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 46/2567 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 แจ้งเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยและพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภท (1, 2, 3, 2+, 3+)  โดยกำหนดให้การทำประกันรถยนต์กรณีใช้งานส่วนบุคคล อาทิ รถเก๋ง และรถตู้ ต้องทำประกันภัยแบบระบุชื่อผู้ขับขี่เท่านั้น

นอกจากนี้ ประกันรถยนต์เกณฑ์ใหม่ยังนำพฤติกรรมผู้ขับขี่ และประวัติการขับขี่มาใช้ในการคำนวณค่าเบี้ยประกันภัย เพื่อให้สอดคล้อง เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล เพื่อส่งเสริมการใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 

ประกันภัยรถยนต์ระบุผู้ขับขี่ เกณฑ์เดิม กับ เกณฑ์ใหม่ ต่างกันอย่างไร

ทั้งนี้ สำหรับการทำประกันภัย สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล ภายใต้ประกันรถยนต์เกณฑ์ใหม่ 2568 ผู้เอาประกันภัยที่ใช้งานรถส่วนบุคคลจะได้ส่วนลดตามพฤติกรรมการขับขี่
 

พฤติกรรมผู้ขับขี่คืออะไร ขับแบบไหนถึงเรียกว่าดี?

พติกรรมผู้ขับขี่ หมายถึง พฤติกรรมการขับขี่ย้อนหลัง 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่ขอเอาประกันภัย ซึ่ง สำนักงาน คปภ. ได้กำหนดระดับความเสี่ยงเป็น ระดับ 1 ถึง ระดับ 5 และนำพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับขี่แต่ละรายมาพิจารณารวมทั้งหมด ไม่ว่าผู้ขับขี่รายนั้นจะเป็นผู้เอาประกันภัยหรือไม่ก็ตาม

โดยในปีแรกผู้ขับขี่ทุกราย รวมถึงผู้ที่ระบุชื่อเป็นผู้ขับขี่ครั้งแรก และผู้ที่ไม่เคยเปิดเผยพฤติกรรมการขับขี่มาก่อน จะถูกกำหนดระดับพฤติกรรมการขับขี่ที่ระดับ 1

• ในการต่ออายุประกันภัยปีถัดไป หากผู้ขับขี่ไม่มีการแจ้งเคลมโดยที่ตนเองเป็นฝ่ายผิดในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา บริษัทประกันภัย จะคำนวณค่าเบี้ยฯ โดยใช้พฤติกรรมการขับขี่ในระดับที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
• หากผู้ขับขี่มีการเกิดเหตุในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่เอง บริษัทประกันภัยจะคำนวณเบี้ยประกันภัยโดยใช้พฤติกรรมการขับขี่ในระดับ 1
• ผู้เอาประกันภัยสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ได้สูงสุด 5 ชื่อต่อกรมธรรม์ และผู้ขับขี่ 1 คน สามารถระบุชื่อเป็นผู้ขับขี่ของรถกี่คันก็ได้ 

เกณฑ์การระบุชื่อผู้ขับขี่เริ่มเมื่อไหร่

การระบุชื่อผู้ขับขี่บังคับใช้มาแล้วในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ อังกฤษ เป็นต้น สำหรับในประเทศไทย สำนักงาน คปภ. กำหนดให้มีผลใช้บังคับดังนี้

• รถยนต์จดทะเบียนใหม่ หรือรถป้ายแดงทุกคัน (รถอายุไม่เกิน 1 ปี) ต้องทำประกันภัยแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
• รถยนต์ทุกคัน ต้องทำประกันภัยแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
• โดยสำนักงาน คปภ. อนุโลมให้บริษัทประกันภัยใช้การประกันภัยเกณฑ์เดิมได้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เท่านั้น ผู้ใช้รถทุกคนจึงควรเตรียมความพร้อมสำหรับประกันรถยนต์เกณฑ์ใหม่นี้

การระบุชื่อผู้ขับขี่ เป็นผลดีกับใครบ้าง

1. ถนนปลอดภัยเพื่อทุกคน

จากการสำรวจขององค์การอนามัยโลกในปี 2567 ประเทศไทยมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ที่ขาดความระมัดระวัง การนำพฤติกรรมการขับขี่มาเป็นปัจจัยในการคำนวณเบี้ยประกันภัย แทนการพิจารณาอายุของผู้ขับขี่แบบเดิม ๆ นี้ จะช่วยส่งเสริม และกระตุ้นให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนใส่ใจการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น  

2. ขับดีมีส่วนลดค่าเบี้ย

นอกจากประกันรถยนต์เกณฑ์ใหม่นี้จะให้ประโชยน์ทางอ้อมกับสังคมโดยรวมแล้ว ยังให้ผลดีโดยตรงกับผู้ขับขี่ ในเรื่องของส่วนลดค่าเบี้ยประกันจากพฤติกรรมการขับขี่ที่เพิ่มเข้ามา นอกเหนือจากส่วนลดประวัติขับดี ที่บริษัทประกันภัยต่าง ๆ มีให้กับผู้เอาประกันภัย เมื่อต่ออายุกรมธรรม์ จากการขับดี ไม่มีการเคลมประกันเลยตลอดปีที่ผ่านมา ทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี นั่นหมายถึง หากเราขับรถด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง ไม่มีประวัติการเกิดเหตุ ไม่มีการเคลมที่เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ เราก็จะจ่ายค่าเบี้ยประกันที่ถูกลง และคุ้มค่ายิ่งขึ้น แต่สำหรับผู้ที่ขับขี่เกิดเหตุหลายครั้ง มีการเคลมโดยเป็นฝ่ายผิด ก็อาจต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้นเช่นกัน    

3. ผลิตภัณฑ์ประกันภัยยุคใหม่ปรับตามผู้ใช้ (Personalized Insurance)

การระบุชื่อผู้ขับขี่ช่วยให้บริษัทประกันภัยรู้จักและเข้าใจลูกค้ามากยิ่งขึ้นจากวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เช่น อายุ เพศ พื้นที่ขับขี่ ประวัติอุบัติเหตุ และประวัติการขับขี่ ฯลฯ ทำให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์กับสไตล์การขับขี่และพฤติกรรมการใช้รถได้ดียิ่งยิ่งขึ้น
 

อยากออกรถใหม่ป้ายแดง ต้องเตรียมตัวอย่างไรสำหรับเกณฑ์ใหม่

1. ศึกษาประกันรถยนต์เกณฑ์ใหม่ให้ดี

หากเป็นรถยนต์สำหรับใช้งานส่วนบุคคล ต้องพิจารณาว่าจะมีใครใช้รถคันนี้บ้าง เพื่อเตรียมแจ้งข้อมูล ชื่อผู้ขับขี่กับบริษัทประกันภัย สำหรับจัดเก็บข้อมูลติดตามประวัติและพฤติกรรมการขับขี่ สิทธิการเคลมตามเงื่อนไขกรมธรรม์ และการพิจารณาค่าเบี้ยประกันในปีต่ออายุ

2. เปรียบเทียบแผนประกันภัยที่เหมาะกับสไตล์การใช้รถ

แม้ว่าประกันรถยนต์เกณฑ์ใหม่นี้ จะมีผลกับการคิดค่าเบี้ยประกันภัย แต่ในแง่ของความคุ้มครองและบริการ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการทำประกันภัยแล้ว เรายังต้องพิจารณาเลือกแผนประกันภัยที่ครอบคลุมและตอบโจทย์มากที่สุด

3. เตรียมเอกสารให้ครบก่อนจดทะเบียนรถ

อาทิ บัตรประชาชนของเจ้าของรถ เอกสารจากไฟแนนซ์ (ถ้ามี) รายชื่อผู้ขับขี่ที่ต้องการระบุในกรมธรรม์ ใบเสนอราคาประกันภัยจากบริษัทที่เลือก

4.  ขับขี่ปลอดภัยตามเกณฑ์ใหม่

ในปีแรกผู้ขับขี่ทุกคนจะถูกจัดระดับพฤติกรรมการขับขี่ ในระดับ 1 ดังนั้นเราจึงควรใช้รถใช้ถนนอย่างระมัดระวัง และปลอดภัยที่สุดทุกครั้งที่ขับขี่ ทั้งเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ป้องกันค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลม รวมถึงเพื่อรักษาประวัติขับขี่ และผลประโยชน์ส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยในปีต่ออายุกรมธรรม์ ตามที่แต่ละบริษัทกำหนด

ขั้นตอนการระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์เกณฑ์ใหม่

1. ตรวจสอบจำนวนผู้ขับขี่ที่ระบุได้

• ผู้ขับขี่ที่ระบุไว้จะได้รับความคุ้มครองเต็มรูปแบบตามเงื่อนไขในกรมธรรม์
• หากผู้ขับขี่ที่ไม่มีชื่อในกรมธรรม์เป็นผู้ขับในขณะเกิดอุบัติเหตุอาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible)

2. เตรียมข้อมูลผู้ขับขี่ที่ต้องการระบุ โดยต้องมีข้อมูล

• ชื่อ - นามสกุล
• หมายเลขบัตรประชาชนและเลขที่ใบขับขี่
• วันเดือนปีเกิด
• ประวัติการขับขี่ (ถ้ามี) เพื่อพิจารณาส่วนลด

3. แจ้งข้อมูลกับบริษัทประกันภัย

• แจ้งข้อมูลผ่านตัวแทนประกันภัยหรือบริษัทประกันภัยโดยตรง
• หากทำประกันออนไลน์ให้กรอกข้อมูลผู้ขับขี่ในระบบตามที่บริษัทกำหนด

4. การคำนวณเบี้ยประกันภัย

• บริษัทประกันภัยจะเสนอค่าเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับความคุ้มครอง และความเสี่ยงตามข้อมูลเราที่ให้ไว้

5. ตรวจสอบความถูกต้องของกรมธรรม์ก่อนลงนาม

• ตรวจสอบชื่อผู้ขับขี่ที่แจ้ง ว่าถูกต้องและครบถ้วน
• ตรวจสอบเงื่อนไขและข้อยกเว้นในกรมธรรม์
• เก็บสำเนากรมธรรม์ไว้เผื่อใช้ในกรณีเคลมประกัน

6. อัปเดตรายชื่อผู้ขับขี่

• หากต้องการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มชื่อผู้ขับขี่ แจ้งบริษัทประกันภัยเพื่ออัปเดตข้อมูลได้ตลอดระยะเวลาการเอาประกันภัย อาจมีการปรับเบี้ยประกันขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับข้อมูลของผู้ขับขี่ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
   

ประกันภัยรถยนต์ยังเป็นพื้นฐานความคุ้มครองที่สำคัญสำหรับผู้ใช้รถทุกคน การเลือกประกันภัยที่ เหมาะกับสไตล์การใช้รถ และงบที่มี จะช่วยบริหารความเสี่ยงจากภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดได้อย่างตรงจุด

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 Chubb Smart Drive อีกทางเลือกที่คุ้มค่า คุ้มครองครอบคลุมเหนือระดับ ให้คุณขับขี่ปลอดภัยและมั่นใจ พร้อมบริการเสริมพิเศษ Roadside Assistance ดูแลตลอดอุ่นใจ 24 ชั่วโมง 

• รับประกันอายุรถสูงสุดถึง 15 ปี
• คุ้มครองการถูกโจรกรรมทรัพย์สินในรถยนต์สูงสุด 25,000 บาท
• คุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมอื่น ๆ นอกเหนือจากอุปกรณ์ตกแต่งตามมาตรฐานจากโรงงานประกอบรถยนต์หรือศูนย์จำหน่ายรถยนต์สูงสุด 25,000 บาท
• ชดใช้ค่าสินไหมโดยไม่หักค่าเสื่อมราคา สำหรับความเสียหายต่อเครื่องเสียง กล้องติดรถยนต์ แบตเตอรี่ (ไม่รวมแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า) ของเหลว เช่นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำยาหล่อเย็น น้ำยาเติมหม้อน้ำ เป็นต้น
• บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง อาทิ บริการพ่วงแบตเตอรี่ เปลี่ยนยางอะไหล่ เติมน้ำมันฉุกเฉิน ช่างกุญแจ บริการยกลาก ค่าใช้จ่ายเพื่อการเดินทางต่อเนื่องหรือค่าที่พักกรณีรถเสียระหว่างการเดินทาง บริการให้คำแนะนำทางโทรศัพท์

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่