เป็นมะเร็งทำประกันได้ไหม? คำถามที่หลายคนอยากรู้

• มะเร็งมีกี่ระยะ มะเร็งแบ่งเป็น 4 ระยะหลัก (ระยะ 1-4) และมีระยะ 0 ที่ยังไม่ถือเป็นมะเร็งแท้จริง
• ประกันโรคมะเร็ง ควรทำตั้งแต่สุขภาพดี อายุ 16-60 ปี ก่อนตรวจพบโรค
• ผู้ที่รักษามะเร็งหาย มีโอกาสทำประกันได้ แต่จะมีเงื่อนไขพิเศษตามบริษัทประกัน

แม้จะเป็นโรคร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่มะเร็งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และยังเป็นแชมป์อันดับ 1 ที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกถึงปีละ 8,200,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีประชากรอายุระหว่าง 30-69 ปี ถึง 4 ล้านคน ที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร สะท้อนถึงแนวโน้มการเกิดโรคมากขึ้นในกลุ่มคนวัยทำงาน อันมีสาเหตุมาจากวิถีชีวิตยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต 

ในประเทศไทยเองก็พบผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่เฉลี่ยโดยประมาณ 400 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งประมาณ 83,000 คนต่อปี การดูแลสุขภาพ รวมไปถึงเตรียมแผนรับมือความเสี่ยงไว้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม แต่คำถามสำคัญที่หลายคนอยากรู้คือ หากเกิดป่วยเป็นมะเร็งขึ้นมาจะสามารถทำประกันได้ไหม และควรเตรียมประกัน โรคมะเร็งอย่างไรให้เหมาะสม วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน  

รู้จักโรคมะเร็งตัวร้าย

มะเร็ง เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ที่มีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ เกิดเป็นก้อนเนื้อที่มีการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง หรือกระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ ผ่านทางระบบเลือด หรือระบบทางเดินน้ำเหลือง โรคมะเร็งมีหลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็นจุดกำเนิดของโรค และชนิดของเซลล์มะเร็ง

ก่อนที่จะตอบคำถามเป็นมะเร็งทำประกันได้ไหม เราควรทำความเข้าใจเรื่องมะเร็งมีกี่ระยะเสียก่อน เพราะระยะของมะเร็งจะส่งผลต่อการพิจารณาประกันโรคมะเร็งโดยตรง
 

มะเร็งมีกี่ระยะ

โรคมะเร็ง แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 – 4 ซึ่งทั้ง 4 ระยะ อาจแบ่งย่อยได้อีกเป็นอีกเป็น เอ (A) บี (B) หรือ ซี (C) หรือ เป็น (1) หรือ (2) สำหรับแพทย์โรคมะเร็งใช้ช่วยประเมินการรักษา ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยังไม่จัดเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะเซลล์เพียงมีลักษณะเป็นมะเร็ง แต่ยังไม่มีการรุกราน เข้าเนื้อเยื่อข้างเคียง

โดยระยะของโรคมะเร็ง จะเป็นตัวบ่งชี้ระดับความรุนแรงของโรค การลุกลามและแพร่กระจาย และบ่งบอกแนวทางการรักษา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวกับโรคมะเร็งของแพทย์

• ระยะที่ 1: ก้อนเนื้อ/ แผลมะเร็งมีขนาดเล็ก ยังไม่ลุกลาม
• ระยะที่ 2: ก้อน/ แผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามภายในเนื้อเยื่อ/ อวัยวะ
• ระยะที่ 3: ก้อน/ แผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามเข้าเนื้อเยื่อ/ อวัยวะข้างเคียง และลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เนื้อเยื่อ/ อวัยวะที่เป็นมะเร็ง
• ระยะที่ 4: ก้อน/ แผลมะเร็งขนาดโตมาก และ/ หรือลุกลามเข้าเนื้อเยื่อ/ อวัยวะข้างเคียง จนทะลุ และ/ หรือเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง แพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต ไปยังเนื้อเยื่อ/อวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เป็นระยะแพร่กระจาย เซลล์มะเร็งแบ่งตัว เติบโต นอกเหนือการควบคุมของร่างกาย

การรู้ว่ามะเร็งมีกี่ระยะ และอยู่ในระยะใด จะช่วยในการวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

ประกันโรคมะเร็งควรทำตอนไหน

เพราะมะเร็งเป็นโรคที่ยังไม่อาจระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ บางรายเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่บ่อยครั้งก็เกิดกับผู้ที่ดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี เรียกว่ายากที่จะบอกได้แน่ชัด เราจึงควรประเมินสุขภาพและความเสี่ยงของตัวเองเพื่อตัดสินใจให้ดี เช่น อายุ เจ็บป่วยบ่อยหรือไม่ คนในครอบครัวมีประวัติการเป็นมะเร็งหรือเปล่า เราดูแลสุขภาพดีแค่ไหน และมีพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพอย่างการดื่มเหล้า สูบบุหรี่หรือไม่

หากพิจารณาทั้งหมดนี้แล้ว พบว่าเราอาจมีความเสี่ยง ก็ควรรีบทำประกันมะเร็งตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อสามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันได้ ซึ่งปัจจุบัน สามารถทำประกันมะเร็งได้ตั้งแต่ช่วงอายุประมาณ 16 - 60 ปี ตามเงื่อนไขที่แต่ละบริษัทประกันภัยกำหนด โดยเลือกแผนประกันมะเร็งที่คุ้มครองครอบคลุมเพื่อความอุ่นใจ เช่น คุ้มครองมะเร็งทุกระยะ คุ้มครองเมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง คุ้มครองมะเร็งระยะลุกลาม หรือการรับเงินก้อนชดเชยเมื่อเข้ารับการรักษา เป็นต้น เพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงเรื่องภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะโรคมะเร็ง มีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง

ป่วยเป็นมะเร็งทำประกันสุขภาพได้ไหม

เป็นมะเร็งทำประกันได้ไหม เป็นคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัย หากป่วยเป็นโรคมะเร็งแล้วมักจะไม่สามารถทำประกันสุขภาพได้ เพราะการเป็นมะเร็งจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้มากมาย รวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ขณะทำการรักษา ดังนั้นบริษัทประกันภัยจึงไม่รับทำประกันสุขภาพให้แก่ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็ง

รักษามะเร็งหายแล้วทำประกันสุขภาพได้ไหม

การรับทำประกันสุขภาพสำหรับผู้ที่หายจากการเป็นมะเร็งแล้ว ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการพิจารณาของแต่บริษัทประกันภัย โดยในบางบริษัทอาจไม่รับ แต่ในบางบริษัทอาจรับพิจารณาแบบมีเงื่อนไข เช่น เคยเป็นมะเร็ง และได้รับการรักษาจนหายขาดแล้ว 5 ปี ก็อาจรับทำประกันสุขภาพให้ แต่จะยกเว้นความคุ้มครองที่เกี่ยวกับโรคมะเร็งที่เคยเป็น 

มะเร็งชนิดไหนที่อาจไม่ได้รับการคุ้มครอง

โรคมะเร็งที่บางบริษัทประกันภัยไม่คุ้มครอง ได้แก่

1. มะเร็งที่พบภายในระยะเวลารอคอย 

ระยะเวลารอคอย คือช่วงเวลาหลังจากที่กรมธรรม์ประกันมีผลบังคับใช้ แต่ผู้เอาประกันยังไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ โดยประกันแต่ละแผนของแต่ละบริษัทอาจมีระยะเวลารอคอยแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคด้วย เช่น กลุ่มโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง อาจมีระยะเวลารอคอยประมาณ 90-180 วัน หากตรวจพบมะเร็งในช่วงนี้จะไม่ได้รับการคุ้มครอง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่แต่ละบริษัทกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัย

2. มะเร็งในผู้ป่วย HIV

ผู้ป่วย HIV จะมีระดับภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าปกติ ทำให้มีโอกาสป่วยเป็นโรคอื่น ๆ รวมไปถึงโรคมะเร็ง ได้ง่ายกว่าคนทั่วไปมาก บริษัทประกันส่วนใหญ่จึงไม่คุ้มครองผู้ป่วย HIV ที่เป็นมะเร็ง

3. มะเร็งผิวหนังทุกชนิด

เนื่องจากผู้เอาประกันอาจมีพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง เช่น การฉีดผิวด้วยสารเคมีบางอย่างเป็นประจำ การทำกิจกรรมกลางแจ้งโดยไม่มีการป้องกันอย่างเหมาะสม การอาบแดด เป็นต้น แต่ในบางบริษัทจะให้ความคุ้มครองประมาณ 10-20% ของทุนประกัน
 

เทคนิคเลือกประกันโรคมะเร็ง

เมื่อต้องการทำประกันโรคมะเร็ง ควรพิจารณาดังนี้

• พิจารณาความคุ้มครองที่ได้รับจากประกันโรคมะเร็ง อย่างละเอียด เช่น ยกเว้นโรคมะเร็งชนิดไหนบ้าง วงเงินความคุ้มครองเหมาะสมหรือไม่ เพื่อความอุ่นใจในการเข้ารับการรักษา
• เลือกแผนประกันที่จ่ายทั้งเงินก้อนชดเชยเมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง และจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง เพราะในระหว่างรักษาตัว เราควรมีเงินสำรองไว้
• ทำประกันโรคมะเร็งกับตัวแทนที่ไว้ใจได้ เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่คุ้มค่า และดูแลตลอดการทำประกัน
• เลือกบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือในการทำประกันโรคมะเร็ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตลอดระยะเวลาการเอาประกัน
• เลือกที่เบี้ยประกันมีความเหมาะสม เช่น ดูว่าเป็นแบบคงที่ หรือปรับตามช่วงอายุ และเลือกที่เราสามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันได้โดยไม่เป็นภาระทางการเงิน

วัยทำงานกับโรคมะเร็ง

ด้วยจังหวะชีวิตที่เร่งรีบ ไม่มีเวลาใส่ใจสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย และความเครียดที่สะสม รวมไปถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต การกิน และการดื่มแอลกอฮอล์ จึงนำไปสู่ความเสี่ยงในเกิดโรคมะเร็งที่พบในวัยทำงาน อาทิ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น มะเร็งจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับคนวัยทำงาน การทำความเข้าใจว่ามะเร็งมีกี่ระยะ และการเตรียมพร้อมด้วยประกันโรคมะเร็ง จึงเป็นสิ่งสำคัญ

การดูแลสุขภาพที่ดี และตรวจสุขภาพเป็นประจำจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรใส่ใจ เพราะจะช่วยป้องกันมะเร็งและลดความเสี่ยง หากเราตรวจพบเร็ว ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาหายให้มากขึ้นตามไปด้วย 
 

ดูแลสุขภาพกับประกันสุขภาพ Basic Work & Play จากชับบ์สามัคคีประกันภัย

สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราทุกคน การใส่ใจสุขภาพอยู่เสมอจะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันโรคที่เกิดจากพฤติกรรมได้ อาทิ กินอาหารที่มีประโยชน์ และผักผลไม้เป็นประจำ ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส คลายเครียด และตรวจสุขภาพเป็นประจำ และเพิ่มความอุ่นใจด้วยแผนประกันที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนวัยทำงานอย่างประกันสุขภาพ Basic Work & Play ที่เน้นคุ้มครองกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม และยังสามารถเสริมความคุ้มครอง โรคที่เกิดจากการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ/ทางเดินอาหาร ตับวายเฉียบพลัน ไตวาย เนื้องอก และมะเร็งทุกระยะ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุดถึง 2,500,000 บาท สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

ประกันภัยจากชับบ์สามัคคี คุ้มครองสุขภาพวัยทำงาน อุ่นใจแม้ตรวจเจอโรคร้ายแรง https://www.chubb.com/th-th/personal/health-office-syndrome.html

FAQ: เป็นมะเร็งแล้วทำประกันได้ไหม คำตอบที่หลายคนอยากรู้

1. เป็นมะเร็งแล้วสามารถทำประกันได้ไหม

โดยทั่วไป บริษัทประกันส่วนใหญ่อาจไม่รับพิจารณาทำประกันให้กับผู้ที่เป็นมะเร็งแล้ว เนื่องจากถือเป็นโรคที่มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตามชับบ์สามัคคี มีแผนประกันสุขภาพ Basic Work & Play ที่เน้นดูแลกลุ่มออฟฟิศซินโดรม และยังสามารถเสริมความคุ้มครองโรคมะเร็งเพิ่มเติมได้ด้วย โดยชับบ์สามัคคีจะพิจารณาข้อเท็จจริงเพื่อรับประกันภัยเป็นรายกรณี

2. ประกันมะเร็งแพงไหม

ค่าเบี้ยประกันมะเร็งขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เลือก อายุของผู้เอาประกันภัย และปัจจัยด้านสุขภาพ โดยเบี้ยของแต่ละแผนประกัน สุขภาพ Basic Work & Play จะขึ้นอยู่กับความคุ้มครองที่เลือก ซึ่งสามารถเลือกแผนความคุ้มครองได้ตามความเหมาะสม และความต้องการ เพื่อจ่ายค่าเบี้ยประกันเท่าที่จำเป็น

3. หากมีประกันสุขภาพอยู่แล้ว จำเป็นต้องซื้อประกันมะเร็งเพิ่มเติมหรือไม่?

แม้จะมีประกันสุขภาพอยู่แล้ว แต่ความคุ้มครองของประกันสุขภาพทั่วไปอาจไม่ครอบคลุมค่ารักษาของโรคมะเร็งทั้งหมด การซื้อประกันมะเร็งเพิ่มเติมหรือสัญญาเพิ่มเติมช่วยให้ได้รับความคุ้มครองที่เฉพาะเจาะจงและครอบคลุมมากขึ้น เช่น ค่ารักษาพยาบาล และเงินชดเชยกรณีการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะลุกลาม ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น