เลี้ยงลูกแบบปล่อยให้ล้มแต่ไม่ปล่อยให้เจ็บ ศิลปะการเป็นพ่อแม่ที่สร้างภูมิคุ้มกันชีวิต
เมื่อพูดถึงการเป็นคุณแม่มือใหม่ หลายคนมักวาดภาพความสุข ความอิ่มเอมใจ และรอยยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ความกดดันและความคาดหวังที่ต้องมีความสุขตลอดเวลา ได้กลายเป็นกำแพงหนาที่ปิดกั้นความรู้สึกที่แท้จริงของผู้หญิงหลายคน
ภาวะซึมเศร้าแม่หลังคลอดไม่ได้เป็นเพียงอารมณ์เศร้าชั่วครู่ แต่เป็นสภาวะที่ส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ และเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยกว่าที่เราคิด บทความนี้จะเจาะลึกถึงสัญญาณซึมเศร้าหลังคลอดที่มักถูกมองข้าม พร้อมชี้แนวทางที่คนรอบข้างจะสามารถช่วยดูแลคุณแม่หลังคลอดได้อย่างถูกวิธี และที่สำคัญคือการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่เหตุการณ์เหล่านี้จะมาถึง
ก่อนจะไปถึงสัญญาณซึมเศร้าหลังคลอดที่ซ่อนเร้น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ภาวะซึมเศร้าแม่หลังคลอด (PPD) แตกต่างจาก "Baby Blues" หรืออาการเศร้าหลังคลอดทั่วไปอย่างไร โดยปกติแล้ว คุณแม่หลังคลอดส่วนใหญ่จะเคยมีอาการที่เรียกว่า "Baby Blues" อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันหลังคลอด มีลักษณะเป็นอารมณ์ที่แปรปรวนง่าย เช่น ร้องไห้ไม่มีเหตุผล หงุดหงิด หรือรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย เป็นต้น อาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายใน 2 สัปดาห์แรก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่ออาการเศร้าไม่ได้หายไปเอง และเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน นั่นอาจเป็นภาวะซึมเศร้าแม่หลังคลอด หรือ Postpartum Depression (PPD) ซึ่งอาการจะรุนแรงและยาวนานกว่า สาเหตุของ PPD นั้นซับซ้อนและมีหลายปัจจัยประกอบกัน ทั้งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลต่อสารเคมีในสมอง ความเครียดสะสมจากการเลี้ยงลูก การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือแม้แต่ความรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดการสนับสนุนทางสังคม
จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิตพบว่า ภาวะซึมเศร้าแม่หลังคลอดในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นถึงร้อยละ 16.8 และหญิงหลังคลอดมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะซึมเศร้ามากขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาอื่น ๆ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจและสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการให้ความสนใจกับปัญหานี้อย่างจริงจัง
แม้จะเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่หากเราสามารถรับรู้ถึงสัญญาณซึมเศร้าหลังคลอดได้ทันท่วงที การดูแลรักษาและเยียวยาก็จะทำได้ง่ายขึ้น นี่คือสัญญาณสำคัญที่คนรอบข้างควรสังเกต
รู้สึกผิดและรู้สึกไร้ค่า คุณแม่จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่ไม่ดีพอ หรือรู้สึกผิดที่ไม่มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น
ไม่ผูกพันกับลูก นี่เป็นหนึ่งในสัญญาณซึมเศร้าหลังคลอด ที่ชัดเจนที่สุด คุณแม่บางคนอาจไม่รู้สึกรักหรืออยากสัมผัสลูก ไม่สนใจที่จะดูแล หรือบางครั้งอาจรู้สึกเฉยชาจนถึงขั้นรังเกียจลูกของตัวเอง ซึ่งเป็นความรู้สึกที่สร้างความรู้สึกผิดให้คุณแม่เป็นอย่างมาก
น้ำตาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ หากพบว่าคุณแม่ร้องไห้บ่อย ๆ โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจเป็นสัญญาณเตือนที่ต้องใส่ใจ
นอนไม่หลับแม้ลูกหลับแล้ว แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่สมองกลับไม่ยอมพักผ่อน วิตกกังวลเกินเหตุจนทำให้นอนไม่หลับ
หงุดหงิด วิตกกังวล ไม่มีสมาธิ อารมณ์ที่ขึ้นลงง่าย หงุดหงิดง่ายกว่าปกติ หรือไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน
มีความคิดอยากทำร้ายตัวเองหรือลูก (กรณีรุนแรง) สัญญาณนี้เป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบขอความช่วยเหลือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
หลังจากคลอดลูกแล้ว ร่างกายคุณแม่จะต้องการการฟื้นฟูจากการตั้งครรภ์ ซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือสภาพจิตใจที่เผชิญความเปลี่ยนแปลงจากฮอร์โมนและความกดดันในการเลี้ยงลูก การดูแลจึงควรครอบคลุมทั้งโภชนาการที่ดี การพักผ่อนเพียงพอ และการออกกำลังกายเบา ๆ ควบคู่กับการเปิดใจพูดคุยและขอความช่วยเหลือ เพื่อลดความเครียดและความกดดันของคุณแม่หลังคลอด เมื่อกายและใจได้รับการดูแลพร้อมกัน จะช่วยให้ไมโครไบโอมในลำไส้กลับมาสมดุล ส่งผลดีต่อหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว ซึ่งการที่ร่างกายและจิตใจกลับมาสมดุล ถือเป็นหัวใจของการสร้างความแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของคุณแม่ได้เป็นอย่างดี
หมายเหตุ: ไมโครไบโอม เป็นจุลินทรีย์จำนวนมากมายที่อยู่ในลำไส้ ทำหน้าที่ในการช่วยย่อยอาหาร สร้างวิตามิน และช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน หากไมโครไบโอมไม่สมดุลกันจะทำให้เกิดปัญหาการย่อยในลำไส้ เสี่ยงท้องผูก ท้องเสีย หรือเกิดโรคต่าง ๆ ที่ส่งผลไม่ดีต่อร่างกาย
เมื่อคุณแม่มือใหม่ต้องเผชิญกับความเครียดและความรู้สึกที่หลากหลาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีพื้นที่ที่ปลอดภัยเพื่อระบายความรู้สึกเหล่านั้นออกไป หากคุณแม่ไม่สามารถบอกได้ว่ารู้สึกอย่างไร ให้คนรอบข้างลองตั้งคำถามปลายเปิดอย่างอ่อนโยน เช่น "วันนี้เป็นยังไงบ้าง" หรือ "มีอะไรที่อยากระบายให้ฟังไหม" โดยไม่ตัดสินหรือกล่าวโทษความรู้สึกเหล่านั้น การรับฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ขัดจังหวะ จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกว่ามีคนเข้าใจและพร้อมที่จะยืนเคียงข้าง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการป้องกันไม่ให้ภาวะซึมเศร้าแม่หลังคลอดรุนแรงขึ้น
การอดหลับอดนอนเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้คุณแม่รู้สึกอ่อนเพลียและเปราะบางทางอารมณ์มากยิ่งขึ้น การได้พักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและจิตใจแจ่มใสขึ้นได้ แม้แต่การงีบหลับสั้นๆ 15-30 นาทีในระหว่างวันก็มีผลอย่างมาก คนรอบข้างสามารถช่วยได้ด้วยการรับหน้าที่ดูแลคุณแม่หลังคลอด โดยการอุ้มลูกให้ หรือช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงที่คุณแม่ได้พัก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ให้มีความเครียดสะสมจนกลายเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression)
คุณแม่หลังคลอดมักจะรู้สึกผูกติดอยู่กับลูกตลอดเวลา จนลืมที่จะให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง การมีเวลาอยู่คนเดียวบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการได้อาบน้ำอุ่นๆ นั่งดื่มกาแฟเงียบๆ หรือออกไปเดินเล่นในสวนสักพัก จะช่วยให้คุณแม่ได้ทบทวนตัวเองและชาร์จพลัง การสนับสนุนให้คุณแม่มีเวลาส่วนตัวเล็กน้อยนี้จะช่วยให้คุณแม่ไม่รู้สึกถูกครอบงำด้วยหน้าที่จนเกินไป และสามารถกลับมาพร้อมพลังบวกเพื่อดูแลแม่หลังคลอดและลูกน้อยได้ดีขึ้น
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วและส่งผลดีต่ออารมณ์ การทานอาหารร่วมกันกับคนในครอบครัวก็เป็นโอกาสที่ดีในการพูดคุยและสร้างความรู้สึกอบอุ่น อีกทั้งยังควรช่วยให้คุณแม่ลดความคาดหวังในตัวเองลง เพราะการเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริง การยอมรับว่าบางครั้งก็ทำผิดพลาดได้บ้างหรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเป็นเรื่องปกติ จะช่วยให้คุณแม่คลายความกดดันและรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางในการป้องกันสัญญาณซึมเศร้าหลังคลอดที่ได้ผล
คนรอบข้างคือแนวหน้าสำคัญในการช่วยเหลือคุณแม่ คุณพ่อควรมีส่วนร่วมในการดูแลแม่หลังคลอดและลูกน้อยอย่างสม่ำเสมอ และควรสังเกตสัญญาณซึมเศร้าหลังคลอด หากพบว่าคุณแม่มีอาการที่น่าเป็นห่วง เช่น อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง หรือมีความคิดที่จะทำร้ายตัวเองหรือลูก ควรรีบพาไปพบผู้เชี่ยวชาญทันที การมีประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากคุณกำลังคิดจะซื้อประกันสุขภาพ ลองพิจารณาเลือกแผนที่ครอบคลุมการรักษาภาวะนี้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณแม่จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด
รู้จักการวางแผนล่วงหน้า การเตรียมใจและสร้างรากฐานที่มั่นคงก่อนคลอด โดยการเตรียมตัวสำหรับภาวะซึมเศร้าแม่หลังคลอด (Postpartum Depression) ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรอให้เกิดขึ้นก่อนแล้วจึงค่อยแก้ไข แต่เป็นการวางแผนเชิงรุกตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อสร้างความมั่นใจและความพร้อมให้กับคุณแม่และทุกคนในครอบครัว เพราะเมื่อเราเข้าใจและเตรียมพร้อมล่วงหน้า เราจะสามารถรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
การเปิดใจคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด คุณแม่ควรใช้เวลากับคุณพ่อและสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ เพื่อพูดคุยถึงความรู้สึกและความคาดหวังหลังคลอดที่อาจจะแตกต่างกันไป เช่น การแบ่งเบาภาระงานบ้าน การช่วยดูแลลูกน้อย หรือแม้กระทั่งการให้เวลาส่วนตัวกับคุณแม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ การสื่อสารที่ชัดเจนจะช่วยป้องกันความเข้าใจผิดและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
ในบางครอบครัวที่ไม่มีญาติคอยช่วยเหลือ การวางแผนหาคนช่วยเลี้ยงลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง การมีผู้ช่วยดูแลลูกจะทำให้คุณแม่มีเวลาพักผ่อน มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ซึ่งการมีคนช่วยประคองดูแลในช่วงเดือนแรก ๆ จะช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการอดนอนและลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะซึมเศร้าแม่หลังคลอดได้มาก การมีแผนสำรองที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกอุ่นใจ และมั่นใจว่าตนเองจะไม่ต้องแบกรับภาระทั้งหมดเพียงลำพัง
คุณแม่เองก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวในการพักผ่อนและทำกิจกรรมที่ชื่นชอบเช่นกัน การจัดเตรียม "มุมพักใจ" ที่เป็นของคุณแม่โดยเฉพาะ จะช่วยให้ได้เติมพลังและฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กลับมาสมบูรณ์ได้ การเตรียมมุมพักใจนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นห้องหรูหรา อาจจะเป็นมุมเล็ก ๆ ในห้องนอนหรือในบ้านที่ทำให้คุณแม่รู้สึกสบายใจและสามารถปลีกตัวไปอยู่กับตัวเองได้สักพักเมื่อต้องการ เช่น มุมอ่านหนังสือ มุมดูซีรีส์ หรือมุมที่ใช้ทำงานอดิเรกต่าง ๆ เป็นต้น การมีช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองอย่างเต็มที่เป็นการแสดงความรักและเข้าใจในตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลแม่หลังคลอดให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
การทำความเข้าใจกับภาวะซึมเศร้าแม่หลังคลอด หรือ Postpartum Depression อย่างถ่องแท้ เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทั้งคุณแม่และคนในครอบครัว การรู้ว่าภาวะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความอ่อนแอหรือความผิดของคุณแม่เอง แต่เป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่างทั้งทางร่างกายและจิตใจ จะช่วยป้องกันความรู้สึกผิดและความรู้สึกละอายใจที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ หากคุณแม่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีอาการผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเศร้า เหงา วิตกกังวล หรือรู้สึกไม่มีความสุขในการดูแลลูกน้อย ควรกล้าที่จะพูดคุยกับคนในครอบครัวหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ การยอมรับว่าตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหานี้เป็นก้าวแรกของการแก้ไขที่สำคัญที่สุด
ประกันสุขภาพ เป็นเกราะป้องกันที่ช่วยเติมเต็มความมั่นคงให้กับครอบครัว นอกจากแผนการด้านจิตใจแล้ว การวางแผนทางการเงินก็เป็นอีกหนึ่งรากฐานสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความอุ่นใจให้กับครอบครัวอย่างยั่งยืน การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุม จึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่คอยดูแลสุขภาพของทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะในยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดฝัน
การเป็นคุณแม่คือประสบการณ์อันทรงคุณค่า แต่ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ทั้งร่างกาย จิตใจ และความรับผิดชอบที่ถาโถมเข้ามา จนหลายครั้งสิ่งที่มาพร้อมกับรอยยิ้มของลูกน้อย อาจคือเงาของภาวะซึมเศร้าแม่หลังคลอด หรือ Postpartum Depression ที่คนรอบข้างไม่ทันสังเกตเห็น
การซื้อประกันสุขภาพที่รองรับทั้งการรักษากายและใจ จึงเป็นเหมือนหลังบ้านที่แข็งแรงให้คุณแม่ได้ฟื้นตัวอย่างมั่นคง อย่าปล่อยให้เสียงเงียบของความเศร้ากลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรับรู้ เริ่มใส่ใจกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพใจที่ดีของครอบครัวในระยะยาว
ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง ทั้งนี้ การรับประกันภัยเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของบริษัทฯ รายละเอียดและเงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- วันชัย กิตติโชติวัฒน์ พ.บ., วารสารกรมการแพทย์
เลี้ยงลูกแบบปล่อยให้ล้มแต่ไม่ปล่อยให้เจ็บ ศิลปะการเป็นพ่อแม่ที่สร้างภูมิคุ้มกันชีวิต
เริ่มต้นอย่างไร? 4 ขั้นตอนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก
ปลูกฝัง Soft Skills ให้ลูกพร้อมออกไปเรียนต่างประเทศ
สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง
ติดต่อเรา
ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ปกป้อง ดูแลคุณ
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ