รวมเบอร์ฉุกเฉินที่ควรมีติดเครื่อง ช่วยเหลือทันทีเมื่อเกิดเหตุ

Highlight

• ประเทศไทยมีอัตราอุบัติเหตุบนถนนสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก การมีเบอร์ฉุกเฉินติดตัวช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้
• เบอร์รถพยาบาล 1669 คือสายด่วนหลักที่ต้องโทรทันทีเมื่อมีผู้บาดเจ็บ
• เบอร์กู้ภัย 199, 1418, 1677 ให้บริการ 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ

จากข้อมูลล่าสุดของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขพบว่าในปี 2567 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนปีละ 17,477 ราย โดยผู้เสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ถึง 14,144 ราย หรือเฉลี่ย 3 ราย ทุก 2 ชั่วโมง ประเทศไทยยังคงมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก

เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุกลางถนน การเจ็บป่วยฉับพลัน ไฟไหม้ หรือเหตุร้ายแรงอื่น ๆ การมีเบอร์ฉุกเฉินไว้ใกล้ตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินคือการรู้ว่าต้องโทรหาใคร การเก็บเบอร์ฉุกเฉินไว้ในมือถือจึงไม่ใช่แค่การเตรียมตัว แต่เป็นสิ่งที่อาจช่วยชีวิตได้จริง ๆ เพราะยิ่งได้รับความช่วยเหลือเร็ว โอกาสปลอดภัยก็ยิ่งสูงขึ้น มาดูเบอร์โทรแจ้งเหตุฉุกเฉินที่ควรมีติดตัวไว้กัน
 

เบอร์โทรฉุกเฉินหลักเมื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย

191 - ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน (24 ชั่วโมง)
แจ้งเหตุอาชญากรรม อุบัติเหตุ และเหตุการณ์ฉุกเฉินทุกประเภทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

199 - ศูนย์รับแจ้งเหตุไฟไหม้และกู้ภัย
แจ้งเหตุไฟไหม้ ดับเพลิง หรือสัตว์ร้ายเข้าบ้าน

1669 – ศูนย์รับแจ้งเหตุการแพทย์ฉุกเฉิน
เบอร์รถพยาบาลและการรักษาเร่งด่วน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ

เบอร์รถพยาบาลฉุกเฉิน

เบอร์หลักทั่วประเทศ

• 1669 - ศูนย์รับแจ้งเหตุการแพทย์ฉุกเฉิน (สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ)
• 1646 - ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพฯ
• 1554 - หน่วยแพทย์กู้ชีวิต วชิรพยาบาล
• 1691 - โรงพยาบาลตำรวจ

เบอร์กู้ภัยทั่วประเทศ

• 199 - ศูนย์รับแจ้งเหตุไฟไหม้และกู้ภัย (ทั่วประเทศ)
• 1418 - มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง (กรุงเทพฯ)
• 1677 - มูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมด้วยช่วยกัน

เบอร์หน่วยดับเพลิง

• 199 - ศูนย์รับแจ้งเหตุไฟไหม้ (ทั่วประเทศ)

หมายเหตุ: เบอร์กู้ภัย 1418 และ 1677 ให้บริการทั้งกู้ภัยและรถพยาบาล 24 ชั่วโมง

เบอร์ตำรวจ แจ้งเหตุฉุกเฉิน

เบอร์หลัก

• 191 - ศูนย์รับแจ้งเหตุตำรวจ (24 ชั่วโมง)
• 1193 - ตำรวจทางหลวง
• 1197 - ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจรตำรวจ
• 1192 - ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ
• 1300 - ศูนย์ประชาบดี แจ้งคนหาย

การเดินทางและคมนาคม

• 1586 - กรมทางหลวง
• 1146 - กรมทางหลวงชนบท
• 1543 - การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
• 1690 - การรถไฟแห่งประเทศไทย
• 1137 - วิทยุ จส.100 (แจ้งเหตุด่วนบนท้องถนน)

เบอร์ฉุกเฉินพิเศษ

ภัยพิบัติธรรมชาติ (น้ำท่วม แผ่นดินไหว วาตภัย ดินถล่ม)

• 192 - ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
• 1784 - กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว

• 1155 - Tourist Police (ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว)

สาธารณูปโภค

• 1130 - การไฟฟ้านครหลวง (ไฟฟ้าดับ)
• 1129 - การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
• 1125 - การประปานครหลวง (ปัญหาน้ำประปา)
• 1662 – การประปาส่วนภูมิภาค

กลุ่มเปราะบาง (เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ)

• 1667 - สายด่วนกรมสุขภาพจิต
• 1323 - สายด่วนสุขภาพจิต
• 1165 - สายด่วนยาเสพติด กรมการแพทย์
   

เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ควรทำอย่างไร

เมื่อโทร 1669 หรือเบอร์ฉุกเฉินอื่น ๆ ควรให้ข้อมูลตามลำดับ:

1. ชื่อผู้แจ้ง และเบอร์ติดต่อกลับ
2. สถานที่เกิดเหตุ - ที่อยู่ชัดเจน จุดสังเกต ใกล้อะไร
3. ลักษณะเหตุการณ์ - เกิดอะไรขึ้น มีผู้บาดเจ็บกี่คน
4. อาการผู้ป่วย - เพศ อายุ อาการ ระดับความรู้สึกตัว
5. สภาพแวดล้อม - มีอันตรายอะไรบ้าง เช่น อยู่กลางถนน มีไฟไหม้

ตัวอย่างการแจ้งเหตุ
"สวัสดีครับ ผมชื่อสมชาย โทร 081-xxx-xxxx อยู่หน้าศูนย์การค้า ถนนสุขุมวิท จังหวัดกรุงเทพฯ มีอุบัติเหตุรถชนกัน 2 คัน คนขับชายอายุประมาณ 30 ปี มีเลือดออกที่หัว แต่ยังสติอยู่ รถอยู่ช่องกลางถนน ต้องการรถพยาบาลด่วนครับ"

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นขณะรอความช่วยเหลือ

ขั้นตอนสำคัญ

1. ประเมินความปลอดภัย - ตรวจสอบสถานที่ก่อนเข้าใกล้
2. ตรวจสอบการหายใจ และการเต้นของหัวใจ
3. ห้ามเลือด - กดด้วยผ้าสะอาดหากมีเลือดออกมาก
4. รักษาอุณหภูมิ - ปิดผ้าห่มเพื่อป้องกันภาวะช็อก ช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายให้อบอุ่น
5. ให้กำลังใจ - อยู่เคียงข้างและพูดให้กำลังใจ

สิ่งที่ไม่ควรทำ

• หากสงสัยว่ามีกระดูกหัก ให้ประเมินตำแหน่งก่อน ถ้าเป็นกระดูกสันหลัง (คอ หลัง เอว), กระดูกสะโพก, กระดูกซี่โครง และกระดูกกะโหลกศีรษะ อย่าขยับผู้ป่วยเอง ควรรอให้ผู้เชี่ยวชาญมาเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ เพราะอาจเสี่ยงเป็นอัตรายมากขึ้น บาดเจ็บเส้นเลือดใหญ่ หรืออาจทิ่มปอด ส่วนกระดูกแขน ขา มือ เท้าหัก สามารถขยับได้แต่ต้องระมัดระวัง โดยดามให้อยู่นิ่งด้วยไม้หรือกระดาษแข็ง และใช้ผ้าคล้องประคอง
• อย่าให้ผู้ป่วยที่หมดสติดื่มน้ำ (เสี่ยงสำลัก)
• หากผู้ป่วยมีอาการชัก ควรทำให้ผู้ป่วยอยู่บนพื้นราบที่ปลอดภัย พลิกตัวผู้ป่วยให้ตะแคงไปด้านข้าง เคลียร์พื้นที่รอบ ๆ ไม่ให้มีของมีคม คลายเสื้อผ้าให้หลวม และโทรเรียกรถพยาบาลหากผู้ป่วยชักนานเกิน 5 นาที

การเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน

สิ่งที่ควรเตรียม:

• เก็บเบอร์ฉุกเฉิน, เบอร์กู้ภัย, และเบอร์รถพยาบาลในมือถือและตั้งเป็น Emergency Contact
• เตรียมชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น
• จัดเก็บเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ กรมธรรม์ประกันภัย เป็นต้น
• กำหนดจุดนัดพบครอบครัวกรณีฉุกเฉิน

ความคุ้มครองกับประกันอุบัติเหตุ PA Beyond จากชับบ์สามัคคีประกันภัย

การมีประกันอุบัติเหตุเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน นอกจากการมีเบอร์ฉุกเฉินและเบอร์กู้ภัยแล้ว ประกันอุบัติเหตุ PA Beyond จากชับบ์สามัคคีประกันภัยให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ และเงินชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

การมีเบอร์ฉุกเฉินติดตัวไว้คือการเตรียมพร้อมที่คุ้มค่า สามารถช่วยชีวิตได้ในยามฉุกเฉิน อย่าลืมตรวจสอบและอัปเดตเบอร์กู้ภัยและเบอร์รถพยาบาลเหล่านี้เป็นประจำ เพราะในช่วงวิกฤต ทุกวินาทีมีความหมาย

FAQ เกี่ยวกับเบอร์ฉุกเฉิน

Q: ต่างชาติสามารถใช้เบอร์ฉุกเฉินไทยได้หรือไม่?
A: สามารถใช้ได้ทุกเบอร์ โดยเฉพาะ 1155 (ตำรวจท่องเที่ยว) มีเจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษ

Q: ควรโทรเบอร์ใดก่อนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ?
A:หากมีผู้บาดเจ็บ โทรเบอร์รถพยาบาล 1669 ก่อน จากนั้นโทร 191 แจ้งตำรวจเพื่อจัดการจราจร

Q: หากโทรเบอร์ฉุกเฉินแล้วสายไม่ว่าง ควรทำอย่างไร?
A: ลองโทรเบอร์ฉุกเฉินอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น หากโทร 1669 ไม่ติด ให้โทรเบอร์รถพยาบาล 1646 หรือ 1554 เพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉินอย่างรวดเร็วที่สุด

Q: โทรแจ้งเหตุฉุกเฉินแล้วควรพูดอย่างไรให้ได้รับความช่วยเหลือเร็วที่สุด?
A:บอกสถานที่เกิดเหตุก่อนเป็นอันดับแรกเมื่อโทรเบอร์ฉุกเฉิน จากนั้นระบุชื่อ เบอร์ติดต่อ และอธิบายลักษณะเหตุการณ์พร้อมจำนวนผู้ประสบภัย

Q: มีแอปพลิเคชันเบอร์ฉุกเฉินแนะนำไหม?

• SOS Thailand - รวมเบอร์ฉุกเฉินครบ
• Emergency SOS - ในตัวเครื่อง iPhone/Android
• Thai Emergency - เบอร์ฉุกเฉินแบ่งตามจังหวัด