7 วิธีดูแลสุขภาพช่วงหน้าร้อน

ข้ามไปหน้าหลัก
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

7 วิธีดูแลสุขภาพช่วงหน้าร้อน

04/2025
ประกันสุขภาพ, วิธีดูแลสุขภาพช่วงหน้าร้อน


หน้าร้อนเป็นช่วงเวลาที่ก่อให้เกิดความสนุกสนานจากกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็น การตั้งแคมป์ เที่ยวทะเล หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง แต่ในขณะเดียวกันอากาศร้อนก็ทำให้เกิดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ ที่พบในช่วงหน้าร้อนได้ เช่น โรคลมแดด ภูมิแพ้ในหน้าร้อน อาหารเป็นพิษ อหิวาตกโรค อุจจาระร่วง ไวรัสตับอักเสบ A และ ไทฟอยด์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในครอบครัวได้ง่ายขึ้น การเตรียมตัวรับมือกับโรคเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้สุขภาพของทุกคนปลอดภัย แต่ยังเป็นการลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษา หากมีการดูแลจากประกันสุขภาพที่ครอบคลุม

การเตรียมตัวรับมือกับโรคต่าง ๆ ที่พบบ่อยในช่วงหน้าร้อนไม่เพียงแต่ช่วยให้สุขภาพของทุกคนปลอดภัย แต่ยังช่วยให้การดูแลและป้องกันสุขภาพมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดจากการรักษาโรคเหล่านั้น ซึ่งในช่วงที่ร่างกายภูมิคุ้มกันตก ยิ่งเป็นช่วงที่ต้องระวัง ในบทความนี้เรามี 7 วิธีดูแลสุขภาพในหน้าร้อนที่จะช่วยให้ผ่านพ้นความร้อนในหน้าร้อนนี้ไปได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นจากโรคต่าง ๆ ที่เกิดในช่วงหน้าร้อน
 

เคล็ดลับน่ารู้ 7 วิธีดูแลสุขภาพในหน้าร้อน

เมื่อเข้าหน้าร้อนร่างกายต้องเผชิญกับความร้อนจัดและความชื้นสูงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้หลายรูปแบบ การดูแลร่างกายให้เย็นอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญ และหากสามารถการออกแดดในช่วงกลางวัน (11:00 - 15:00) จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) ที่มักเกิดในช่วงนี้ได้ นอกจากนี้การดื่มน้ำเยอะ ๆ และน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำในร่างกายก็เป็นวิธีที่ช่วยป้องกันได้ดีเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีวิธีดูแลสุขภาพอีกดังนี้ 
 

1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ในช่วงหน้าร้อน ร่างกายจะสูญเสียน้ำมากกว่าปกติจากการเหงื่อออกและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรดื่มน้ำประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้นหากอยู่กลางแดดหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานมาก ๆ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงน้ำหวานและน้ำอัดลมที่อาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลน้ำและเพิ่มความเสี่ยงจากการขาดน้ำ

การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำและลดความเสี่ยงจากโรคลมแดด (Heat Stroke) โดยช่วยปรับอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย และช่วยลดอาการอ่อนเพลียจากความร้อน
 

2. สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี

การเลือกเสื้อผ้าที่สามารถระบายความร้อนได้ดี เช่น เสื้อผ้าฝ้ายที่มีความเบาและโปร่ง จะช่วยให้เหงื่อระเหยได้ง่ายและลดความอับชื้น ซึ่งเป็นการป้องกันโรคผิวหนังที่อาจเกิดขึ้นจากความร้อน เช่น ผดผื่น หรือผิวไหม้จากแสงแดด การสวมเสื้อผ้าสีอ่อน เช่น สีขาวหรือสีเบจ จะช่วยสะท้อนแสงแดดและลดความร้อนที่สะสมในร่างกาย
 

3. กินอาหารสดใหม่ เน้นผักผลไม้

อาหารที่สดใหม่และผักผลไม้ที่มีน้ำสูง เช่น แตงโม แตงกวา และส้ม สามารถช่วยเติมน้ำและเกลือแร่ให้กับร่างกาย ซึ่งจะช่วยรักษาสมดุลน้ำในร่างกายได้ดี และยังช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดน้ำที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน นอกจากนี้ ผักและผลไม้บางชนิดยังมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายในวันที่ร้อนจัด
 

4. ทาครีมกันแดดก่อนออกนอกบ้าน

แสงแดดในช่วงหน้าร้อนมีความเข้มข้นสูง ซึ่งอาจทำให้ผิวเกิดการไหม้หรือคล้ำได้ ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันการเกิดอาการผิวไหม้และโรคมะเร็งผิวหนังที่อาจเกิดขึ้น การทาครีมกันแดดยังช่วยป้องกันการเกิดผดผื่นจากการเสียดสีและระคายเคืองจากความร้อน
 

5. หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแดดช่วงเที่ยง

ช่วงเวลาแดดแรงที่สุดในช่วงหน้าร้อนคือระหว่าง 11:00 - 15:00 น. ควรหลีกเลี่ยงการออกไปกลางแจ้งในช่วงเวลานี้ หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ควรหาที่ร่มหรือพกอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น หมวกและแว่นกันแดด เพื่อป้องกันการเกิดโรคลมแดด หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแดดช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความร้อน
 

6. ออกกำลังกายในที่ร่มหรือช่วงอากาศไม่ร้อนจัด

การออกกำลังกายในช่วงที่อากาศร้อนจัดอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและเกิดโรคลมแดดได้ง่าย ดังนั้นควรเลือกทำกิจกรรมในที่ร่มหรือในช่วงที่อากาศเย็น เช่น การเดินในห้างสรรพสินค้า หรือการทำโยคะในบ้าน หากต้องการออกกำลังกายในที่กลางแจ้ง ควรเลือกเวลาเช้าตรู่หรือเย็นหลังพระอาทิตย์ตก
 

7. พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนให้เพียงพอในหน้าร้อนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการขาดการพักผ่อนจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความร้อน เช่น โรคลมแดด การนอนหลับที่เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อวันจะช่วยให้ร่างกายมีพลังในการรับมือกับอุณหภูมิที่สูง
 

โรคยอดฮิตที่มากับอากาศร้อน พร้อมวิธีป้องกัน

เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิที่สูงขึ้นไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายหรืออ่อนเพลียเท่านั้น แต่อากาศร้อนยังเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรคหลายชนิด แต่สามารถป้องกันได้ง่าย ๆ ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี บทความนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับ “โรคยอดฮิตที่มากับอากาศร้อน” และ วิธีป้องกันที่ทุกคนสามารถทำได้
 

1. โรคลมแดด (Heat Stroke)

โรคลมแดด หรือ Heat Stroke เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ อุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 40°C โดยมักมีอาการเหงื่อออกน้อยหรือไม่มีเหงื่อ ทำให้ไม่สามารถลดอุณหภูมิร่างกายได้ตามปกติ อาการที่พบได้บ่อยคือ วิงเวียนศีรษะ มึนงง หรือสับสน นอกจากนี้ยังมีอาการหายใจเร็วและหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เนื่องจากระบบการไหลเวียนเลือดทำงานหนักเกินไป ในกรณีที่อาการรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะหมดสติ

โรคลมแดดถือเป็นภัยคุกคามที่ควรรับรู้ล่วงหน้าและรับมืออย่างทันท่วงที การเข้าใจอาการเหล่านี้จะช่วยให้สามารถปฏิบัติตัวได้อย่างรวดเร็วและลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่นเดียวกับการเตรียมแผนสุขภาพที่ครอบคลุม
 

สาเหตุของโรคลมแดด

  • อากาศร้อนจัด และอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน
  • ออกกำลังกายหรือทำงานหนักในที่อากาศร้อน โดยไม่มีการพักหรือดื่มน้ำ
  • ใส่เสื้อผ้าหนา หรือไม่ระบายอากาศ ทำให้ร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้
  • ขาดน้ำ หรือไม่ได้รับน้ำเพียงพอในวันที่ร้อน
  • ดื่มเครื่องดื่มที่ทำให้ร่างกายขาดน้ำ เช่น แอลกอฮอล์หรือกาแฟ
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง หรือกินยาบางชนิด
     

วิธีป้องกันโรคลมแดด

  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งช่วงแดดแรง (เวลา 10.00 – 16.00 น.)
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6–8 แก้ว หรือมากขึ้นหากเหงื่อออกเยอะ
  • สวมเสื้อผ้าที่บาง ระบายอากาศได้ดี เช่น เสื้อผ้าสีอ่อน
  • ใส่หมวกหรือกางร่ม เมื่อจำเป็นต้องออกกลางแดด
  • พักในที่เย็น มีอากาศถ่ายเท และพักเป็นระยะระหว่างกิจกรรม
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน ในวันที่อากาศร้อนจัด
     

2. ผดร้อน หรือผื่นคันหน้าร้อน (Heat Rash)

ผดร้อน เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในช่วงอากาศร้อนชื้น โดยเฉพาะผู้ที่มีเหงื่อออกมาก ซึ่งเกิดจาการอุดตันของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อไม่สามารถระบายออกได้ตามปกติ จนเกิดเป็นตุ่มผื่นเล็ก ๆ สีแดงหรือใสตามผิวหนังที่ส่วนใหญ่จะพบบริเวณที่เหงื่อออกมาก เช่น ลำคอ หลัง หน้าอก รักแร้ ข้อพับ หรือลำตัว

สาเหตุของผดร้อน

  • อุณหภูมิสูงและความชื้นในอากาศ กระตุ้นให้ร่างกายขับเหงื่อมากขึ้น
  • การใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศไม่ดี ทำให้เหงื่อระเหยไม่ทัน จึงสะสมและอุดตันที่ผิว
  • การเคลื่อนไหวร่างกายมากในที่ร้อน เช่น ออกกำลังกายกลางแจ้ง
  • ต่อมเหงื่อยังพัฒนาไม่เต็มที่ในเด็กเล็ก จึงเกิดผื่นร้อนได้ง่าย
  • การทาครีมหรือโลชั่นมากเกินไป อาจทำให้ผิวอับและเหงื่อระบายออกลำบาก
     

วิธีป้องกันผดร้อนหรือผื่นคันหน้าร้อน

  • สวมเสื้อผ้าบางเบา ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย
  • อาบน้ำบ่อยขึ้นในวันที่อากาศร้อน เพื่อลดการสะสมของเหงื่อ
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ร้อนหรืออับชื้นนาน ๆ
  • ใช้พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ เพื่อช่วยระบายอากาศ
  • งดทาครีมเหนียวหรือโลชั่นที่อุดตันรูขุมขน
  • หมั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อเปียกเหงื่อ
     

3. ภาวะตะคริวแดด (Heat Cramps)

ภาวะตะคริวแดด คือ อาการกล้ามเนื้อหดเกร็งหรือกระตุกอย่างกะทันหัน เกิดในช่วงหรือหลังจากออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแดดจัด โดยเฉพาะเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำและแร่ธาตุ เช่น โซเดียมและโพแทสเซียม ไปมากกับเหงื่อ จึงเกิดเป็นตะคริว 

อาการของตะคริวแดดที่พบได้บ่อย คือ ปวดหรือเกร็งกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณน่อง ต้นขา หรือหน้าท้อง กล้ามเนื้อแข็งและตึงตัวแบบไม่สามารถควบคุมได้ เหงื่อออกมากกว่าปกติ ขณะหรือหลังจากทำกิจกรรมกลางแดด อ่อนเพลีย อาจมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย
 

สาเหตุของตะคริวแดด

  • สูญเสียเกลือแร่จากเหงื่อ ระหว่างออกแรงหรืออยู่กลางแดดนาน

  • ดื่มน้ำไม่เพียงพอ หรือดื่มแต่น้ำเปล่าโดยไม่เสริมเกลือแร่ ทำให้สมดุลเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ

  • ออกกำลังกายหรือทำงานหนักในที่ร้อนจัด เช่น ทำงานก่อสร้าง วิ่งกลางแดด หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง

  • พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากการเสียเหงื่อได้ช้าลง
     

วิธีป้องกันภาวะตะคริวแดด

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ตลอดวัน โดยเฉพาะเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้ง

  • ดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ หากเหงื่อออกมากหรือทำกิจกรรมเป็นเวลานาน

  • ไม่ออกกำลังกายกลางแดดจัด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 – 16.00 น.

  • สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่นจนเกินไป

  • พักเป็นระยะ เมื่อทำงานกลางแจ้ง หรือออกแรงในอากาศร้อน

  • กินอาหารที่มีแร่ธาตุ เช่น กล้วย (มีโพแทสเซียม), น้ำมะพร้าว, ผักใบเขียว
     

4. โรคอาหารเป็นพิษ

หน้าร้อน ไม่ได้แค่นำพาอุณหภูมิที่สูงขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ โรคระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะ อาหารเป็นพิษและท้องเสีย ระบาดได้ง่ายที่สุด เพราะความร้อนช่วยเร่งให้แบคทีเรียในอาหารเจริญเติบโตเร็วขึ้น หากรับประทานอาหารที่ไม่สะอาดหรือเก็บไว้นานเกินไป ก็เสี่ยงต่อการป่วยได้ง่าย

อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning) คือภาวะที่ร่างกายได้รับสารปนเปื้อน เช่น เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือสารพิษจากจุลินทรีย์ต่าง ๆ ผ่านทางอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่สะอาด ทำให้เกิดอาการ ท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง คลื่นไส้ และอาจมีไข้ร่วมด้วย

สาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ

  • อาหารบูดเสีย เพราะอุณหภูมิสูงทำให้อาหารเน่าเสียง่าย
  • รับประทานอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุก หรือใช้วัตถุดิบปนเปื้อน

  • การเก็บรักษาอาหารไม่ถูกวิธี เช่น ไม่แช่เย็นหรือทิ้งไว้ในที่ร้อนนานเกินไป

  • ดื่มน้ำหรือใช้น้ำที่ไม่สะอาด

  • สุขอนามัยไม่ดี เช่น ล้างมือไม่สะอาดก่อนกินอาหาร
     

วิธีป้องกันอาหารเป็นพิษในหน้าร้อน

  • เลือกกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ หลีกเลี่ยงอาหารค้างคืน

  • เก็บอาหารในตู้เย็นทันทีเมื่อไม่ได้รับประทาน

  • หลีกเลี่ยงการซื้ออาหารจากร้านที่ดูไม่สะอาด หรือไม่มีฝาปิด

  • ล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน

  • ล้างมือด้วยสบู่ก่อนและหลังรับประทานอาหาร รวมถึงหลังเข้าห้องน้ำ

  • ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่นอกบ้าน
     

5. โรคระบบทางเดินหายใจ

โรคระบบทางเดินหายใจ ไม่ได้เป็นโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะในฤดูหนาวหรือฤดูฝน แต่ในหน้าร้อนก็เป็นช่วงที่เจ็บป่วยจากโรคกลุ่มนี้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีอากาศร้อนอบอ้าว หรือใช้เครื่องปรับอากาศตลอดเวลาแบบอากาศปิด ซึ่งอาจทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวผิดปกติ

โรคระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยในหน้าร้อน

  1. ไข้หวัด / ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ เช่น ไวรัส Influenza ซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายในที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท เช่น รถโดยสาร ห้องเรียน หรือห้างสรรพสินค้า
  2. หลอดลมอักเสบ อาจเริ่มจากหวัดธรรมดาแล้วลุกลาม ทำให้ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ และหายใจลำบากมากขึ้น
  3. ปอดบวม (Pneumonia) เป็นอาการที่เกิดจากการติดเชื้อในปอด พบได้ในคนที่ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือไม่ได้รักษาอาการติดเชื้อทางเดินหายใจแต่แรก
  4. อาการแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) เป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศมากเกินไป เช่น ฝุ่นละออง ละอองเกสร เชื้อรา เป็นต้น ทำให้เกิดอาการคล้ายหวัดเรื้อรัง เกิดอาการ 
    จมูกอักเสบ จาม คัดจมูก และปวดหัว
     

สาเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจ

  • อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น เข้าออกจากที่ร้อนสู่ห้องแอร์บ่อย ๆ

  • อากาศถ่ายเทไม่ดี เช่น ในห้องแอร์ที่ปิดสนิท ไม่มีการทำความสะอาดเครื่องกรอง

  • ฝุ่น ควัน มลภาวะในอากาศ กระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคืองทางเดินหายใจ

  • ร่างกายอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
     

วิธีป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจในหน้าร้อน

  • ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมาก ๆ

  • ล้างมือเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนกินอาหารและหลังสัมผัสสิ่งของสาธารณะ

  • ไม่อยู่ในห้องแอร์นานเกินไป ควรเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทบ้าง

  • ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดอัตราการสะสมของเชื้อ

  • หลีกเลี่ยงที่แออัดหรือบริเวณอากาศที่ปิด 

  • ใส่หน้ากากอนามัย เมื่อมีอาการไอจาม หรืออยู่ในที่มีฝุ่นมาก

  • เสริมภูมิคุ้มกันด้วยอาหารที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง บรอกโคลี เป็นต้น
     

ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต เพื่อการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุม

การดูแลสุขภาพในช่วงหน้าร้อนไม่เพียงแค่เกี่ยวกับการป้องกันโรคฮิตในหน้าร้อน เช่น โรคลมแดด ผดร้อน หรือผื่นคันหน้าร้อน แต่ยังรวมถึงการเตรียมความพร้อมทางการเงินในการรับมือกับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้น โดยแผน ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เฮลท์ พรีเมียม เอ็กซ์ตร้า แบบมีความรับผิดส่วนแรก ช่วยให้คุณและครอบครัวไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษา
 

จุดเด่นของประกันสุขภาพเหมาจ่าย เฮลท์ พรีเมียม เอ็กซ์ตร้า แบบมีความรับผิดส่วนแรก

  • ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายโรงพยาบาล เพราะแผนนี้จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีฉุกเฉินทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก

  • อุ่นใจในทุกสถานการณ์ คุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้คุณอุ่นใจในทุกกิจกรรมกลางแจ้งและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากอากาศร้อน

  • ยืดหยุ่นในการเลือกแผนประกัน สามารถเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณและครอบครัว โดยสามารถปรับความคุ้มครองได้ตามต้องการ

    การมีแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสม ไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณสามารถรับมือกับโรคที่อาจเกิดขึ้นที่ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้าร้อน แต่อุ่นใจในทุกๆ ช่วงของชีวิตและหมดห่วงเรื่องภาระทางการเงิน 
     

หมายเหตุ:  
ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง ทั้งนี้การรับประกันภัยจะเป็นไปตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ของบริษัท
 

บทความ

อยากซื้อประกันสุขภาพเริ่มต้นอย่างไรดี เลือกแบบประกันอย่างไรให้ตอบโจทย์

ในปัจจุบันที่ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การมี ประกันสุขภาพ กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดภาระทางการเงิน และเพิ่มความอุ่นใจในชีวิต หากกำลังมองหาประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์รับมือความเสี่ยงด้านสุขภาพ

แนวทางการซื้อประกันแต่ละช่วงวัย เลือกประกันแบบไหนให้เหมาะกับตัวเรา

ความต้องการด้านการเงินและสุขภาพจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่วัยเริ่มต้นทำงาน วัยสร้างครอบครัว ไปจนถึงวัยเกษียณ การเลือกแบบประกันที่เหมาะสมในแต่ละช่วงอายุจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันไม่เพียงแต่ช่วยให้เราได้รับความคุ้มครอง

ประกันสะสมทรัพย์ ประกันที่ช่วยสร้าง Passive Income ให้มั่นคงในระยะยาว

ประกันสะสมทรัพย์คืออะไร? ประกันสะสมทรัพย์ เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยออมเงินในระยะยาว โดยผู้ถือกรมธรรม์จะชำระเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อครบสัญญา จะได้รับเงินคืนพร้อมผลตอบแทนที่ชัดเจน

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา 

ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ปกป้อง ดูแลคุณ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ