ภูมิคุ้มกันตก แก้ได้ด้วยวิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

ข้ามไปหน้าหลัก
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

ภูมิคุ้มกันตก แก้ได้ด้วยวิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

01/2025
ภูมิคุ้มกันตก


ในวันที่ฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นวิกฤตสุขภาพที่คุกคามคนเมือง พบว่าปัญหาภูมิคุ้มกันตกกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในอากาศไม่เพียงรบกวนระบบทางเดินหายใจ แต่ยังบั่นทอนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในระยะยาว เมื่อรวมกับความเครียดจากการทำงาน การพักผ่อนไม่เพียงพอ และพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม ยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย

บทความนี้จะพาทำความเข้าใจสาเหตุของภาวะภูมิคุ้มกันตก พร้อมแนะนำวิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วยวิธีธรรมชาติ ที่ปลอดภัยและเห็นผลจริง เพื่อให้ร่างกายพร้อมต่อสู้กับมลพิษและเชื้อโรคที่แฝงมากับอากาศที่หายใจเข้าไปในแต่ละวัน
 

ภูมิคุ้มกันตกคืออะไร ทำไมถึงสำคัญ

ภูมิคุ้มกันตกเป็นภาวะที่ระบบป้องกันโรคในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เปรียบเสมือนกองทัพที่อ่อนกำลัง ไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูที่บุกรุกเข้ามาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาวะนี้ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเจ็บป่วยได้ง่าย รวมถึงอาจส่งผลให้การรักษาโรคต่างๆ ทำได้ยากขึ้น

การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

ระบบภูมิคุ้มกันทำหน้าที่เสมือนกองทัพพิทักษ์ร่างกาย ประกอบด้วยเซลล์และโปรตีนหลายชนิดที่ทำงานประสานกัน เพื่อตรวจจับและกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตราย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค สารก่อภูมิแพ้ หรือเซลล์ที่ผิดปกติ ระบบภูมิคุ้มกันยังมีความจำจำเพาะ สามารถจดจำเชื้อโรคที่เคยเข้าสู่ร่างกาย เพื่อตอบสนองได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในครั้งต่อไป
 

ภูมิคุ้มกันแบ่งเป็นกี่ประเภท?

ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก
 

1. ภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด

ภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด (Innate immunity) เป็นด่านแรกในการป้องกันเชื้อโรค ประกอบด้วยผิวหนัง เยื่อเมือก และเซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิด ทำหน้าที่ตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมอย่างไม่จำเพาะเจาะจง
 

2. ภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ

ภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ (Adaptive Immunity) พัฒนาขึ้นเมื่อร่างกายเผชิญกับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม สามารถจดจำและตอบสนองต่อเชื้อโรคแต่ละชนิดได้อย่างเฉพาะเจาะจง เป็นกลไกสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาว
 

สัญญาณเตือนเมื่อภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ซึ่งหากสังเกตได้เร็วก็จะช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ สัญญาณสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่

1. อาการเจ็บป่วยบ่อย

เมื่อระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การติดเชื้อจะเกิดขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะการเป็นหวัด เจ็บคอ หรือท้องเสียบ่อยกว่าปกติ บางรายอาจมีอาการติดเชื้อซ้ำๆ แม้เพิ่งหายจากอาการป่วยครั้งก่อน

2. แผลหายช้า

บาดแผลที่ใช้เวลาหายนานผิดปกติอาจเป็นสัญญาณว่าระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะเป็นเพียงแผลถลอกเล็กน้อย

3. เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย

ความอ่อนล้าเรื้อรังที่ไม่หายแม้จะพักผ่อนเต็มที่ อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายต้องใช้พลังงานมากเกินไปในการต่อสู้กับเชื้อโรค เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานไม่มีประสิทธิภาพ

4. ติดเชื้อเรื้อรัง

การติดเชื้อที่ไม่หายขาดหรือกลับมาเป็นซ้ำบ่อยๆ เช่น เชื้อราในช่องปาก แผลเริม หรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อาจบ่งชี้ถึงปัญหาของระบบภูมิคุ้มกัน

5. อาการแพ้ง่าย

ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอมักตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากเกินไป ทำให้เกิดอาการแพ้ง่าย หรืออาการแพ้ที่เคยเป็นอยู่แล้วมีอาการรุนแรงขึ้น
 

สาเหตุที่ทำให้ภูมิคุ้มกันตก

ภูมิคุ้มกันอ่อนแอเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้และปัจจัยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ การทำความเข้าใจถึงสาเหตุจะช่วยในการป้องกันและดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม

1. ปัจจัยภายในร่างกาย

ความเสื่อมตามวัยเป็นสาเหตุธรรมชาติที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่ร่างกายผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันได้น้อยลง นอกจากนี้ โรคเรื้อรังอย่างเบาหวานหรือมะเร็งก็ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงการใช้ยาบางประเภท เช่น ยาสเตียรอยด์หรือยาเคมีบำบัด ก็อาจกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

2. ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมและการใช้ชีวิต

วิถีชีวิตสมัยใหม่ส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันอย่างมาก ความเครียดเรื้อรังจากการทำงานกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่กดภูมิคุ้มกัน การพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ไม่ดี มลพิษในอากาศและสารเคมีในสิ่งแวดล้อมก็สามารถทำลายเซลล์ภูมิคุ้มกันได้โดยตรง การรับประทานอาหารที่ขาดสารอาหารจำเป็น โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุ ก็ส่งผลให้การสร้างภูมิคุ้มกันทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
 

8 วิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและใส่ใจการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน ด้วย 8 วิธีต่อไปนี้

  1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผักผลไม้สดที่อุดมด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ เลือกโปรตีนคุณภาพดีจากปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วต่างๆ เพื่อช่วยสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน
  2. เสริมอาหารที่มีโปรไบโอติก เช่น โยเกิร์ต กิมจิ และผักดอง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นด่านสำคัญในการป้องกันเชื้อโรค
  3. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ช่วยชำระล้างสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. นอนหลับให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายจะซ่อมแซมและสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันใหม่ ควรเข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลา
  5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ไม่หักโหม 30-45 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  6. จัดการความเครียด ด้วยการทำสมาธิ โยคะ หรือกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เพราะความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันอย่างมาก
  7. รักษาสุขอนามัย ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า และรักษาความสะอาดของสิ่งแวดล้อมรอบตัว เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  8. รับแสงแดดอ่อนๆ 15-20 นาทีต่อวัน ช่วยให้ร่างกายสร้างวิตามินดี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
     

การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญในปัจุบันที่โรคภัยและมลพิษรุมเร้า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนให้เพียงพอ ล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูแลระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม แม้จะดูแลสุขภาพดีเพียงใด โรคภัยก็อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด โดยเฉพาะในภาวะที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การมีประกันสุขภาพจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และการมีประกันโรคร้ายแรงยังช่วยเพิ่มความอุ่นใจหากต้องเผชิญกับโรคที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงในการรักษา

การดูแลสุขภาพที่ดีต้องครอบคลุมทั้งการป้องกันและการเตรียมพร้อมรับมือ การผสมผสานระหว่างการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในชีวิตประจำวันและการวางแผนทางการเงินที่รอบคอบจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพในระยะยาว พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
 

คำถามที่พบบ่อย

ภูมิคุ้มกันต่ำสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ในหลายกรณี ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมจะช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันได้ แต่หากเกิดจากโรคบางชนิดหรือพันธุกรรม อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง

การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารเสริมภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญอาจมีประโยชน์ โดยเฉพาะวิตามินดี วิตามินซี และแร่ธาตุซิงค์

การออกกำลังกายแบบแอโรบิกระดับปานกลาง เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เป็นเวลา 30-45 นาทีต่อครั้ง อย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ เหมาะสมสำหรับการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน การออกกำลังกายหนักเกินไปอาจส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันได้

บทความ

ปวดท้องน้อยด้านซ้าย สัญญาณเตือนอะไร? เข้าใจสาเหตุและวิธีรับมือ

อาการปวดท้องน้อยด้านซ้ายอาจไม่ใช่แค่อาการท้องอืดธรรมดา หลายครั้งกลับเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ควรใส่ใจ ตั้งแต่ภาวะลำไส้แปรปรวน ไปจนถึงโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

รู้ค่ารักษามะเร็งก่อนรักษา ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน
 

ถามว่า "ค่ารักษามะเร็งแพงแค่ไหน?" คำตอบที่สะท้อนความจริงคือ "แพงกว่าที่คิด และสูงขึ้นทุกปี" จากข้อมูลล่าสุดพบว่า ค่ารักษามะเร็งในประเทศไทยเริ่มต้นที่หลักแสนและอาจพุ่งสูงถึงหลายล้านบาทต่อราย

7 โรคร้ายแรงที่คนไทยควรรู้จัก และวิธีป้องกัน
 

บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ 7 โรคร้ายแรงที่พบบ่อยในคนไทย เรียนรู้สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม และวิธีการป้องกันที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน เพราะการป้องกันที่ดีย่อมดีกว่าการรักษาเมื่อเกิดโรคแล้ว

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา 

ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ