ข้ามไปหน้าหลัก
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

ภัยเงียบที่ไม่เลือกเพศและวัย กับเครื่องดื่มที่มีส่วนกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ

05/2025
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia), หัวใจเต้นผิดจังหวะ, เครื่องดื่มกระตุ้นหัวใจ


หลายคนอาจไม่รู้ว่าเครื่องดื่มที่เราบริโภคในชีวิตประจำวัน อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจอย่างไม่คาดคิด หนึ่งในปัญหาสุขภาพที่มีความสัมพันธ์กับการบริโภคเครื่องดื่มบางประเภท คือ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) ภาวะนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่แล้ว แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไปเช่นกัน ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) คือการที่หัวใจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เส้นเลือดในสมองตีบ หรือแม้แต่มะเร็งบางชนิดในกลุ่มที่มีภาวะอักเสบเรื้อรังร่วมด้วย

แต่สิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึงคือ เครื่องดื่มในชีวิตประจำวัน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง หรือแม้แต่น้ำผลไม้บางชนิด เป็นต้น อาจมีผลต่อการทำงานของหัวใจโดยตรงได้ ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ การเชื่อมโยงกับเครื่องดื่มที่อาจกระตุ้นอาการนี้ และวิธีการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ
 

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia)

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) คือความผิดปกติในการทำงานของหัวใจ ซึ่งหัวใจอาจเต้นเร็วเกินไป (Tachycardia) ช้าเกินไป (Bradycardia) หรือไม่สม่ำเสมอ (Atrial Fibrillation) ทำให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะร้ายแรงเช่น โรคหัวใจวาย เส้นเลือดในสมองตีบ หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต
 

สาเหตุของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอาจเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่

  • ปัญหาทางพันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจอาจมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

  • ความเครียด ความเครียดเรื้อรังและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอสามารถกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ

  • โรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือ โรคเบาหวาน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้การทำงานของหัวใจไม่ปกติ เป็นต้น

  • การใช้สารกระตุ้น เช่น คาเฟอีน ยาบางชนิด และเครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะไม่เพียงแต่ทำให้การทำงานของหัวใจลดลง แต่ยังอาจเป็นสาเหตุของโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะเสียชีวิตเฉียบพลัน เป็นต้น หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
 

ประเภทของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตามลักษณะและความรุนแรงของอาการ ดังนี้
 

1. ภาวะหัวใจเต้นเร็ว (Tachycardia)

ภาวะนี้เกิดเมื่อหัวใจเต้นเร็วเกินไป โดยปกติหัวใจเต้นเร็วกว่า 100 ครั้งต่อนาที ซึ่งอาจส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ไม่เพียงพอ หัวใจที่เต้นเร็วเกินไปอาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด หายใจลำบาก หรือรู้สึกไม่สบายตัว
 

ชนิดของ Tachycardia

  • Ventricular Tachycardia (VT) เกิดจากปัญหาที่ห้องหัวใจด้านล่าง ซึ่งอาจทำให้หัวใจหยุดทำงานและก่อให้เกิดอาการหัวใจวาย

  • Supraventricular Tachycardia (SVT) เกิดจากปัญหาที่ห้องหัวใจด้านบน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยหอบและเวียนศีรษะ
     

2. ภาวะหัวใจเต้นช้า (Bradycardia)

ภาวะนี้เกิดเมื่อหัวใจเต้นช้าเกินไป โดยปกติจะมีอัตราการเต้นต่ำกว่า 60 ครั้งต่อนาที ซึ่งอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองและอวัยวะอื่น ๆ ได้น้อย ส่งผลให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เหนื่อยล้า หรือหมดสติ เป็นต้น
 

ชนิดของ Bradycardia

  • Sick Sinus Syndrome เกิดจากความผิดปกติของการส่งสัญญาณไฟฟ้าจากจุดกำเนิดการเต้นของหัวใจ

  • Heart Block การบล็อคสัญญาณไฟฟ้าจากหัวใจที่ทำให้การเต้นของหัวใจช้าลง
     

3. ภาวะหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ (Atrial Fibrillation)

การเต้นของหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอ เป็นภาวะที่ทำให้หัวใจห้องบน (Atria) เต้นเร็วและไม่ประสานงาน ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่เป็นปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
 

เครื่องดื่มที่กระตุ้นหัวใจเต้นผิดจังหวะ

หลายคนไม่รู้ว่าเครื่องดื่มบางประเภทอาจมีผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของหัวใจ โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีสารกระตุ้น เช่น คาเฟอีน น้ำตาล และ สารกระตุ้นอื่น ๆ เป็นต้น ที่มีในเครื่องดื่มยอดนิยมบางชนิด การบริโภคเครื่องดื่มเหล่านี้ในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
 

1. ชาและกาแฟ

ชาและกาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มี คาเฟอีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะ Tachycardia หรือภาวะหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ (Atrial Fibrillation) หากบริโภคในปริมาณมาก

ผลกระทบ การบริโภคคาเฟอีนเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน (ประมาณ 3-4 ถ้วยกาแฟ) อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
 

2. น้ำอัดลม

น้ำอัดลมมีทั้งคาเฟอีนและน้ำตาลในปริมาณสูง ซึ่งสามารถกระตุ้นให้ระบบหัวใจทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นเร็วเกินไป และอาจนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจในระยะยาว

ผลกระทบ น้ำตาลสูงในน้ำอัดลมอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ
 

3. เครื่องดื่มชูกำลัง

เครื่องดื่มชูกำลังมักมีคาเฟอีนและสารกระตุ้นอื่น ๆ เช่น ทอรีน และ กลูโคส ที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะ Tachycardia หรือ Atrial Fibrillation ได้

ผลกระทบ ผู้ที่บริโภคเครื่องดื่มชูกำลังในปริมาณมากอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เนื่องจากการกระตุ้นจังหวะหัวใจที่มากเกินไป
 

4. น้ำผลไม้บางชนิด

น้ำผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง หรือที่มีสารเติมแต่งบางประเภทอาจส่งผลให้ร่างกายต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งอาจกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้

ผลกระทบ น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงอาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ

กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะจากเครื่องดื่ม

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่บางกลุ่มคนมีความเสี่ยงสูงกว่า ได้แก่

  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรค เบาหวาน หรือโรค ความดันโลหิตสูง เป็นต้น เนื่องจากภาวะเหล่านี้ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด 

  • ผู้สูงอายุ การทำงานของหัวใจในผู้สูงอายุอาจไม่เหมือนกับวัยหนุ่มสาว ทำให้เสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะจากเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง 

  • คนที่มีการใช้ชีวิตที่เครียดหรือพักผ่อนน้อย ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอสามารถกระตุ้นการทำงานของหัวใจ และเพิ่มความเสี่ยงของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ 

  • เด็กและวัยรุ่น การบริโภคเครื่องดื่มที่มีสารกระตุ้นในปริมาณมาก เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในวัยรุ่นที่ร่างกายยังไม่สมบูรณ์
     

วิธีป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะจากเครื่องดื่ม

การเลือกเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพหัวใจและการลดปริมาณเครื่องดื่มที่มีสารกระตุ้นสูงสามารถช่วยป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ นี่คือวิธีป้องกันที่ควรปฏิบัติ

  1. ลดการบริโภคคาเฟอีน ควบคุมปริมาณการดื่มชาและกาแฟในแต่ละวันไม่ให้เกิน 2-3 เพื่อไม่ให้หัวใจได้รับการกระตุ้นมากเกินไป
  2. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มชูกำลังมีคาเฟอีนสูง ควรหลีกเลี่ยงหรือบริโภคในปริมาณที่น้อย
  3. เลือกน้ำผลไม้ที่ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม น้ำผลไม้สดที่ไม่มีการเติมน้ำตาลจะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  4. เลือกเครื่องดื่มสมุนไพร เช่น ชาดอกไม้ หรือชาสมุนไพรที่ไม่มีคาเฟอีน จะช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้นโดยไม่กระตุ้น
  5. เข้ารับการตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง

การควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มและเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสมกับร่างกายเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นภัยเงียบที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะจากพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย เช่น กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หรือน้ำอัดลม เป็นต้น ซึ่งอาจมีสารกระตุ้นที่ส่งผลต่อระบบการทำงานของหัวใจโดยตรง การตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสม

การดูแลสุขภาพหัวใจในชีวิตประจำวันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเริ่มจากการเลือกเครื่องดื่มที่ดีต่อร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด และหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ไม่จำเป็น รวมถึงการตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ

หากรู้สึกถึงอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น หายใจไม่ทัน หรือเหนื่อยง่าย ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะการตรวจพบและรักษาตั้งแต่ระยะแรกจะเพิ่มโอกาสในการป้องกันโรคหัวใจร้ายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการมีประกันโรคร้ายแรง 50 โรค จะช่วยให้คุณหมดห่วงกับค่ารักษาพยาบาล หากต้องรักษาตัวจากโรคร้ายแรง สามารถรับมือกับความเสี่ยงในชีวิตได้อย่างมั่นคง

อย่ารอให้หัวใจของคุณส่งสัญญาณเตือน — เริ่มดูแลตัวเองวันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยืนยาว

ขอบคุณที่มาจาก 
- bangkokpattayahospital 
- ram-hosp 
- paolohospital 
- nakornthon
 

บทความ

เจาะลึกแบบประกันโรคร้ายแรง 50 โรคและแบบตลอดชีพ แตกต่างกันอย่างไร

ไม่มีใครอยากคิดถึงวันที่ต้องเผชิญกับโรคร้ายแรง โรคร้ายแรงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยไม่เลือกอายุหรือไลฟ์สไตล์ หลายคนอาจมองว่า หากดูแลสุขภาพดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็เพียงพอแล้ว

อยากซื้อประกันสุขภาพเริ่มต้นอย่างไรดี เลือกแบบประกันอย่างไรให้ตอบโจทย์

ในปัจจุบันที่ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การมี ประกันสุขภาพ กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดภาระทางการเงิน และเพิ่มความอุ่นใจในชีวิต หากกำลังมองหาประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์รับมือความเสี่ยงด้านสุขภาพ

เช็กสิทธิประกันสังคมด้วยเลขบัตรประชาชน ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

ใน​​ปัจจุบัน​​ที่การทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจกังวลถึงความมั่นคงในชีวิตหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เจ็บป่วย คลอดบุตร ว่างงาน หรือเสียชีวิต ประกันสังคม จึงเปรียบเสมือนหลักประกัน ที่ช่วยให้ผู้ประกันตนมีความมั่นใจ

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา 

ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ปกป้อง ดูแลคุณ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ