ไขข้อข้องใจ ใบกำกับภาษี คืออะไรและสำคัญอย่างไร

ข้ามไปหน้าหลัก
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

ไขข้อข้องใจ ใบกำกับภาษี คืออะไรและสำคัญอย่างไร

11/2024
ใบกํากับภาษี คือ​

​​​​
​​ปัจจุบัน​​เศรษฐกิจดิจิทัลที่ธุรกรรมทางการเงินและ​​การค้าขายออนไลน์​​มีบทบาทสำคัญ ใบกำกับภาษี (Tax Invoice) กลายเป็นเอกสารสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจในหลาย ๆ ด้าน ใบกำกับภาษีมีความสำคัญอย่างไร ประเภทของใบกำกับภาษี กรณีใดที่ต้องออกใบกำกับภาษี ตัวอย่างใบกำกับภาษี รวมไปถึงระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ที่ช่วยให้การออกใบกำกับภาษีสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น​

​​เตรียมตัวให้พร้อม เปิดรับความรู้เกี่ยวกับใบกำกับภาษี เอกสารที่เป็นหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จ​
 

​ใบกํากับภาษี (Tax Invoice) คือ

​​ใบกำกับภาษีเป็นเอกสารสำคัญในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ มาทำความรู้จักกับองค์ประกอบสำคัญของเอกสารนี้กัน​

​​ใบกำกับภาษี (Tax Invoice) คือ เอกสารที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ต้องออกให้แก่ลูกค้าทุกครั้งที่มีการขายสินค้าหรือให้บริการ โดยมีรายละเอียดดังนี้:​

  1. ​​เป็นเอกสารที่แสดงรายการขายสินค้าหรือให้บริการ พร้อมระบุจำนวนเงินที่ลูกค้าต้องชำระ​
  2. ​​ต้องระบุข้อความว่า "ใบกำกับภาษี" ไว้ที่ด้านบนของเอกสาร​
  3. ​​ต้องระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลข 13 หลัก) ของผู้ออกใบกำกับภาษี​
  4. ​​ต้องระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (ถ้ามี) ของลูกค้า​
  5. ​​ระบุวันที่ออกใบกำกับภาษี​
  6. ​​ระบุรายการสินค้าหรือบริการ จำนวนหน่วย ราคาต่อหน่วย และจำนวนเงินรวม​
  7. ​​ระบุจำนวนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม (7%)​
  8. ​​ระบุจำนวนเงินทั้งสิ้นที่ลูกค้าต้องชำระ​
  9. ​​ต้องมีลายมือชื่อของผู้มีอำนาจหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย​
  10. ​​ต้องจัดทำใบกำกับภาษีเป็นอย่างน้อย 2 ฉบับ โดยมอบให้ลูกค้า 1 ฉบับ และเก็บไว้เป็นหลักฐานอีก 1 ฉบับ​
     

ความสำคัญของใบกำกับภาษี

​​ใบกำกับภาษีไม่ใช่แค่เอกสารธรรมดา แต่มีบทบาทสำคัญในหลายด้านของระบบธุรกิจและภาษี ลองมาดูว่าทำไมเอกสารนี้จึงมีความสำคัญมากขนาดนี้​

​​ใบกำกับภาษีเป็นเอกสารสำคัญที่มีบทบาทหลายด้านในระบบธุรกิจและภาษี โดยเป็นหลักฐานทางกฎหมายในการซื้อขาย ช่วยในการคำนวณและ​​​​ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม​​ สนับสนุนการตรวจสอบทางบัญชีและการควบคุมรายได้ค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ ช่วยในการวางแผนภาษีและรักษาสิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมถึงสนับสนุนระบบการจัดเก็บภาษีของประเทศให้มีประสิทธิภาพ การออกและจัดการใบกำกับภาษีอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกคนควรให้ความใส่ใจเพื่อประโยชน์ของธุรกิจและการปฏิบัติตามกฎหมาย​
 

ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) คืออะไร

​​ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) คือ ใบกำกับภาษีที่อยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แทนที่จะเป็นเอกสารกระดาษแบบดั้งเดิม และมีประโยชน์อย่างมากสำหรับธุรกิจ ​​อีคอมเมิร์ซ​​​ ​และการขายของออนไลน์ โดยช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการออกและส่งเอกสาร ลดต้นทุนการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล และสอดคล้องกับธรรมชาติของธุรกิจออนไลน์ นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ รองรับการเติบโตของธุรกิจ และทำให้การปฏิบัติตามกฎหมายภาษีเป็นไปอย่างถูกต้องและง่ายดายขึ้น การใช้ e-Tax Invoice ยังช่วยในการบูรณาการระบบการเงินและบัญชี รวมถึงการให้บริการลูกค้าที่ดีขึ้น ทำให้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและพร้อมรับการเติบโตในยุคดิจิทัล​
 

รู้จักกับระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt

​​​ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่พัฒนาโดยกรมสรรพากรเพื่อทดแทนการออกใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินแบบกระดาษ ช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินและการจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้:​
 
1. ​​ลักษณะสำคัญ:​
  • ​​เป็นเอกสารดิจิทัลที่มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือเทียบเท่ากับใบกำกับภาษีแบบกระดาษ​

  • ​​สามารถจัดทำ ส่งมอบ และจัดเก็บในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์​
     

1. สิทธิลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัว

  • ​​ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล: ผู้มีเงินได้ 60,000 บาท คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ 60,000 บาท บุตรชอบด้วยกฎหมาย 30,000 บาทต่อคน ​​บุตรที่เกิดในปี 2561 เป็นต้นไป สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท​ ​ (ไม่จำกัดจำนวน) บุตรบุญธรรม 30,000 บาทต่อคน (รวมกันไม่เกิน 3 คน)​

  • ​​ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร: ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 60,000 บาท​

  • ​​ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา: ลดหย่อนได้ 30,000 บาทต่อคน (รวมบิดามารดาของคู่สมรส) บิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี​
     

2. ​​องค์ประกอบ:​

  • ​​มีข้อมูลครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด เช่น เดียวกับใบกำกับภาษีแบบกระดาษ​

  • ​​มีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) เพื่อยืนยันความถูกต้องและตัวตนของผู้ออก​

​​3. ประโยชน์:​

  • ​​ลดต้นทุนในการจัดพิมพ์และจัดเก็บเอกสาร​

  • ​​เพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรมและการตรวจสอบ​

  • ​​ลดความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล​

  • ​​สนับสนุนการทำธุรกิจแบบไร้กระดาษ (Paperless)​
     

​​4. การใช้งาน:​

  • ​​ผู้ประกอบการต้องได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากรก่อนเริ่มใช้ระบบ e-Tax Invoice​

  • ​​ต้องใช้ซอฟต์แวร์หรือระบบที่ได้รับการรับรองจากกรมสรรพากร​

  • ​​สามารถส่งใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ให้ลูกค้าผ่านทางอีเมลหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ​
     

5. ความปลอดภัย:​

  • ​​มีการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อป้องกันการแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต​

  • ​​ใช้เทคโนโลยีการลงลายมือชื่อดิจิทัลเพื่อยืนยันความถูกต้องของเอกสาร

6. ​​กฎหมายที่เกี่ยวข้อง:​

  • ​​เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์​

  • ​​ได้รับการยอมรับทางกฎหมายเช่นเดียวกับใบกำกับภาษีแบบกระดาษ​

​​ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบภาษีของประเทศไทยสู่ยุคดิจิทัล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเอกสารทางการเงินและสนับสนุนการทำธุรกิจในยุค 4.0​
 

ระบบ e-Tax Invoice ​​​by email ​เพื่อธุรกิจและบริการ​​ขนาดเล็ก

​​ระบบ e-Tax Invoice by Email เป็นวิธีการออกและส่งมอบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพากร โดยผู้ขายสามารถจัดทำใบกำกับภาษีในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์และส่งให้ลูกค้าทางอีเมล ระบบนี้ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว และง่ายต่อการจัดเก็บข้อมูล แม้จะต้องได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากรและมีข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แต่ก็มีความยืดหยุ่นมากกว่าระบบ e-Tax Invoice แบบเต็มรูปแบบ ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจและบริการขนาดเล็กถึงกลางที่ต้องการเริ่มต้นใช้ระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ โดยยังคงมีผลทางกฎหมายเช่นเดียวกับใบกำกับภาษีแบบกระดาษ ระบบนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมของธุรกิจสู่การใช้ระบบ e-Tax Invoice อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต​
 

​ประเภทของใบกำกับภาษี

​​ใบกำกับภาษีมีหลายรูปแบบ แต่ละประเภทมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับธุรกิจของตน มาดูกันว่ามีประเภทใดบ้าง​

​​ปัจจุบันกรมสรรพากรได้แบ่งใบกำกับภาษีออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ​

​​1. ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป​

  • ​​ต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ออกและผู้ซื้อ​

  • ​​ต้องจัดทำทันทีเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น​

  • ​​สามารถจัดทำในรูปแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice)​

​​1.1 การยกเลิกใบกำกับภาษีฉบับเดิม เพื่อออกฉบับใหม่​

  • ​​ต้องมีเหตุผลอันสมควร เช่น ข้อมูลผิดพลาด​

  • ​​ต้องเก็บใบกำกับภาษีฉบับเดิมที่ยกเลิกไว้เป็นหลักฐาน​

  • ​​ออกใบกำกับภาษีฉบับใหม่โดยอ้างอิงถึงฉบับเดิมที่ยกเลิก​

​​1.2 การออกใบแทนใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้​

  • ​​ออกได้เมื่อใบกำกับภาษีเดิมสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุด​

  • ​​ต้องมีข้อความระบุว่าเป็น "ใบแทน" และอ้างอิงถึงใบกำกับภาษีเดิม​

  • ​​ต้องมีรายการครบถ้วนเหมือนฉบับเดิม​

​​2. ใบกำกับภาษีอย่างย่อ​

  • ​​ใช้สำหรับการขายสินค้าหรือให้บริการแก่ผู้บริโภคทั่วไป​

  • ​​มีรายการน้อยกว่าใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป​

  • ​​ต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรก่อนใช้​

  • ​​สามารถออกด้วยเครื่องบันทึกการเก็บเงินได้​

​​3. เอกสารอื่นที่ถือเป็นใบกำกับภาษี​

​​3.1 ใบเพิ่มหนี้​

  • ​​ออกเมื่อมีการเพิ่มราคาสินค้าหรือค่าบริการภายหลัง​

  • ​​ต้องมีรายการตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงอ้างอิงใบกำกับภาษีเดิม​

​​3.2 ใบลดหนี้​

  • ​​ออกเมื่อมีการลดราคาสินค้าหรือค่าบริการภายหลัง​

  • ​​ต้องมีรายการตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงอ้างอิงใบกำกับภาษีเดิม​

​​3.3 ใบเสร็จรับเงินที่ส่วนราชการออกให้ในการขายทอดตลาด​

  • ​​ใช้แทนใบกำกับภาษีในกรณีการขายทอดตลาดโดยส่วนราชการ​

  • ​​ต้องมีรายการตามที่กฎหมายกำหนด​

​​3.4 ใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากร กรมศุลกากร หรือกรมสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม​

​​แต่ละประเภทมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน ผู้ประกอบการควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจและประเภทของการทำธุรกรรม เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายและเกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการภาษี​
 

สามารถ​​ออกใบกำกับภาษีได้ในกรณีใดบ้าง

​​การออกใบกำกับภาษีไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ตามใจชอบ แต่มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ชัดเจน การเข้าใจว่าเมื่อไหร่ที่สามารถออกใบกำกับภาษีได้จะช่วยให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง มาดูกันว่ามีกรณีใดบ้างที่สามารถออกใบกำกับภาษีได้​

​​กรณีมีการโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าหรือบริการให้แก่ผู้ซื้อ​

  • ​​หมายความว่าผู้ซื้อมีสิทธิ์ครอบครองและใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ โดยชอบธรรม​

  • ​​โดยทั่วไปแล้ว การโอนกรรมสิทธิ์จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อรับสินค้าหรือบริการไปแล้ว​

  • ​​กรณีขายสินค้าออนไลน์ การโอนกรรมสิทธิ์จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อได้รับสินค้า​

  • ​​กรณีให้บริการ การโอนกรรมสิทธิ์จะเกิดขึ้นเมื่อบริการเสร็จสิ้น​

​​กรณีมีการชำระค่าสินค้าหรือบริการ​

  • ​​หมายความว่าผู้ซื้อได้ชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการให้แก่ผู้ขาย​

  • ​​ผู้ประกอบการสามารถออกใบกำกับภาษีได้ทันทีที่ได้รับชำระเงิน​

  • ​​กรณีขายสินค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการสามารถออกใบกำกับภาษีได้ทันทีที่ผู้ซื้อชำระเงิน​

  • ​​กรณีให้บริการ ผู้ประกอบการสามารถออกใบกำกับภาษีได้หลังจากบริการเสร็จสิ้นและได้รับชำระเงิน​
     

ตัวอย่างใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ
 


​​เพื่อให้เข้าใจลักษณะของใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มาดูตัวอย่างพร้อมคำอธิบายรายละเอียดสำคัญที่ต้องมีในเอกสารนี้​

​​รายละเอียดในใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป​แบบ

  • ​​ชื่อและที่อยู่ของผู้ขาย: [ชื่อผู้ขาย] [ที่อยู่ผู้ขาย]​

  • ​​เลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของผู้ขาย: [เลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม]​

  • ​​ลำดับเลขของใบกำกับภาษี: [ลำดับเลข]​

  • ​​วันที่ออกใบกำกับภาษี: [วันที่]​

  • ​​ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อ: [ชื่อผู้ซื้อ] [ที่อยู่ผู้ซื้อ]​

  • ​​รายละเอียดสินค้าหรือบริการ:​

  • ​​รายการสินค้าหรือบริการ​

  • ​​หน่วยนับ​

  • ​​ปริมาณ​

  • ​​ราคาต่อหน่วย​

  • ​​ยอดเงิน​

  • ​​ส่วนลด (ถ้ามี): [จำนวนเงินส่วนลด]​

  • ​​ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): [จำนวนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม]​

  • ​​ยอดรวม: [ยอดรวม]​
     

ตัวอย่างใบกำกับภาษีอย่างย่อ  
 

​​ใบกำกับภาษีอย่างย่อมีรูปแบบที่ง่ายกว่าแบบเต็มรูป แต่ก็ยังคงต้องมีข้อมูลสำคัญครบถ้วน ลองมาดูตัวอย่างและรายละเอียดที่จำเป็นกัน​

​​รายละเอียดในใบกำกับภาษีอย่างย่อ​

  • ​​ชื่อและที่อยู่ของผู้ขาย: [ชื่อผู้ขาย] [ที่อยู่ผู้ขาย]​

  • ​​เลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของผู้ขาย: [เลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม]​

  • ​​ลำดับเลขของใบกำกับภาษี: [ลำดับเลข]​

  • ​​วันที่ออกใบกำกับภาษี: [วันที่]​

  • ​​ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อ: [ชื่อผู้ซื้อ] [ที่อยู่ผู้ซื้อ] (ไม่จำเป็นต้องระบุ)​

  • ​​รายการสินค้าหรือบริการ:​

  • ​​รายการสินค้าหรือบริการ​

  • ​​ปริมาณ​

  • ​​ราคาต่อหน่วย​

  • ​​ยอดเงิน​

  • ​​ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): [จำนวนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม] (กรณีรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)​

  • ​​ยอดรวม: [ยอดรวม]​


​​หมายเหตุ:​

  • ​​ตัวอย่างใบกำกับภาษีเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น รายละเอียดในใบกำกับภาษีจริงอาจแตกต่างกันไป​

  • ​​ผู้ประกอบการควรตรวจสอบข้อมูลกับกรมสรรพากร หรือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี​
     

ใบกำเก็บภาษีหลักฐานสำคัญในการขอลดหย่อนภาษี

​​นอกจากเป็นเอกสารสำคัญทางธุรกิจ ใบกำกับภาษียังมีบทบาทสำคัญในการช่วยประหยัดภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาด้วย มาดูกันว่าใบกำกับภาษีสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในการขอลดหย่อนภาษีได้อย่างไรบ้าง​

​​ใบกำกับภาษี (Tax Invoice) เป็นเอกสารสำคัญที่ผู้ซื้อสินค้าหรือรับบริการสามารถใช้เป็นหลักฐานในการขอ​​ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา​​ ดังนี้​

  1. ​​ค่าเบี้ยประกันชีวิต: ผู้มีเงินได้สามารถนำค่าเบี้ยประกันชีวิตที่ตนเองหรือคู่สมรสจ่ายให้บริษัทประกันชีวิตมาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยใช้ใบกำกับภาษีเป็นหลักฐานการจ่ายเบี้ย​
  2. ​​ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ: ผู้มีเงินได้สามารถนำค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่ตนเอง ​​​​คู่สมรส​​ หรือบุตรจ่ายให้บริษัทประกันภัยมาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยใช้ใบกำกับภาษีเป็นหลักฐาน​
  3. ​​ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์: ผู้มีเงินได้สามารถนำค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ตนเองจ่ายให้บริษัทประกันชีวิตมาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยใช้ใบกำกับภาษีเป็นหลักฐาน​
  4. ​​​​การวางแผนเกษียณ​​: ผู้มีเงินได้สามารถนำเงินที่จ่ายสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ​​​​กองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุ (กอช.) ​​มาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยใช้ใบกำกับภาษีเป็นหลักฐาน​

 

​​การเข้าใจเกี่ยวกับใบกำกับภาษีเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ประกอบการทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการออกใบกำกับภาษีให้ถูกต้อง หรือการเก็บรักษาเอกสารเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษี จะช่วยให้เราสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากการทำความเข้าใจใบกำกับภาษีแล้ว การวางแผนการลดหย่อนภาษีก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การทำ​​ประกันชีวิต​​​ประกันสุขภาพ​ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์​​ และ​​ประกันชีวิตเพื่อวางแผนเกษียณ​​ ไม่เพียงแต่ช่วยคุ้มครองตนเองและครอบครัว แต่ยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย การมีแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้เรามีความมั่นคงในอนาคต และสามารถจัดการภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ​


​​ขอบคุณข้อมูลจาก​

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับใบกำกับภาษี

​​ใบกำกับภาษีอย่างย่อไม่จำเป็นต้องออกด้วยเครื่องบันทึกเงิน แต่ต้องมีรายละเอียดครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด​

​​ใบกำกับภาษีมี 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ใบกำกับภาษี ใบกำกับภาษีย่อย และใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์​

​​ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ คือ ใบกำกับภาษีที่จัดทำและออกในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ แทนการจัดทำเป็นเอกสารกระดาษ​

​​ต้องออกใบกำกับภาษีเช่นเดียวกับการขายในประเทศ เนื่องจากเป็นเอกสารที่แสดงรายละเอียดการขายและภาษีที่เกี่ยวข้อง​

​​ไม่จำเป็น ผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไม่ต้อง ออกใบกำกับภาษี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียน VAT ไม่จำเป็นต้องออกใบกำกับภาษี แต่ การออกใบเสร็จรับเงินหรือใบแจ้งหนี้เป็นสิ่งที่แนะนำ เพื่อเป็นหลักฐานในการซื้อขายและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ​

บทความ

สอนวิธียื่นภาษีออนไลน์แบบเข้าใจง่ายในทุกขั้นตอน
 

ขั้นตอนการยื่นภาษีออนไลน์แบบเข้าใจง่ายพร้อมกับเข้าใจความหมายของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคืออะไร และใครบ้างที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี รวมถึงเอกสารที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนยื่นภาษีออนไลน์ มาติดตามไปพร้อมกันได้เลย

เช็กสิทธิประกันสังคมด้วยเลขบัตรประชาชน ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

ใน​​ปัจจุบัน​​ที่การทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจกังวลถึงความมั่นคงในชีวิตหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เจ็บป่วย คลอดบุตร ว่างงาน หรือเสียชีวิต ประกันสังคม จึงเปรียบเสมือนหลักประกัน ที่ช่วยให้ผู้ประกันตนมีความมั่นใจ

​เปิดประตูสู่กองทุนสำหรับลดหย่อนภาษี SSF RMF และ ThaiESG

รู้กันหรือไม่ว่า นอกจากการทำประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพแล้ว ยังมีวิธีลดหย่อนภาษีที่ช่วยให้ได้ทั้งประหยัดภาษี ได้​​ออมเงิน​​ และยังได้ลงทุนเพิ่มพูนทรัพย์ไปพร้อม ๆ กันด้วย ในบทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักกับเครื่องมือทางการเงินอย่างกองทุน

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา 

ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ