สอนวิธียื่นภาษีออนไลน์แบบเข้าใจง่ายในทุกขั้นตอน
ใบกำกับภาษีอย่างย่อไม่จำเป็นต้องออกด้วยเครื่องบันทึกเงิน แต่ต้องมีรายละเอียดครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
ปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัลที่ธุรกรรมทางการเงินและการค้าขายออนไลน์มีบทบาทสำคัญ ใบกำกับภาษี (Tax Invoice) กลายเป็นเอกสารสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจในหลาย ๆ ด้าน ใบกำกับภาษีมีความสำคัญอย่างไร ประเภทของใบกำกับภาษี กรณีใดที่ต้องออกใบกำกับภาษี ตัวอย่างใบกำกับภาษี รวมไปถึงระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ที่ช่วยให้การออกใบกำกับภาษีสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เตรียมตัวให้พร้อม เปิดรับความรู้เกี่ยวกับใบกำกับภาษี เอกสารที่เป็นหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จ
ใบกำกับภาษีเป็นเอกสารสำคัญในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ มาทำความรู้จักกับองค์ประกอบสำคัญของเอกสารนี้กัน
ใบกำกับภาษี (Tax Invoice) คือ เอกสารที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ต้องออกให้แก่ลูกค้าทุกครั้งที่มีการขายสินค้าหรือให้บริการ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
ใบกำกับภาษีไม่ใช่แค่เอกสารธรรมดา แต่มีบทบาทสำคัญในหลายด้านของระบบธุรกิจและภาษี ลองมาดูว่าทำไมเอกสารนี้จึงมีความสำคัญมากขนาดนี้
ใบกำกับภาษีเป็นเอกสารสำคัญที่มีบทบาทหลายด้านในระบบธุรกิจและภาษี โดยเป็นหลักฐานทางกฎหมายในการซื้อขาย ช่วยในการคำนวณและขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม สนับสนุนการตรวจสอบทางบัญชีและการควบคุมรายได้ค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ ช่วยในการวางแผนภาษีและรักษาสิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมถึงสนับสนุนระบบการจัดเก็บภาษีของประเทศให้มีประสิทธิภาพ การออกและจัดการใบกำกับภาษีอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกคนควรให้ความใส่ใจเพื่อประโยชน์ของธุรกิจและการปฏิบัติตามกฎหมาย
ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) คือ ใบกำกับภาษีที่อยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แทนที่จะเป็นเอกสารกระดาษแบบดั้งเดิม และมีประโยชน์อย่างมากสำหรับธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ และการขายของออนไลน์ โดยช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการออกและส่งเอกสาร ลดต้นทุนการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล และสอดคล้องกับธรรมชาติของธุรกิจออนไลน์ นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ รองรับการเติบโตของธุรกิจ และทำให้การปฏิบัติตามกฎหมายภาษีเป็นไปอย่างถูกต้องและง่ายดายขึ้น การใช้ e-Tax Invoice ยังช่วยในการบูรณาการระบบการเงินและบัญชี รวมถึงการให้บริการลูกค้าที่ดีขึ้น ทำให้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและพร้อมรับการเติบโตในยุคดิจิทัล
เป็นเอกสารดิจิทัลที่มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือเทียบเท่ากับใบกำกับภาษีแบบกระดาษ
สามารถจัดทำ ส่งมอบ และจัดเก็บในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล: ผู้มีเงินได้ 60,000 บาท คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ 60,000 บาท บุตรชอบด้วยกฎหมาย 30,000 บาทต่อคน บุตรที่เกิดในปี 2561 เป็นต้นไป สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท (ไม่จำกัดจำนวน) บุตรบุญธรรม 30,000 บาทต่อคน (รวมกันไม่เกิน 3 คน)
ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร: ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 60,000 บาท
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา: ลดหย่อนได้ 30,000 บาทต่อคน (รวมบิดามารดาของคู่สมรส) บิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
2. องค์ประกอบ:
มีข้อมูลครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด เช่น เดียวกับใบกำกับภาษีแบบกระดาษ
มีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) เพื่อยืนยันความถูกต้องและตัวตนของผู้ออก
3. ประโยชน์:
ลดต้นทุนในการจัดพิมพ์และจัดเก็บเอกสาร
เพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรมและการตรวจสอบ
ลดความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล
สนับสนุนการทำธุรกิจแบบไร้กระดาษ (Paperless)
4. การใช้งาน:
ผู้ประกอบการต้องได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากรก่อนเริ่มใช้ระบบ e-Tax Invoice
ต้องใช้ซอฟต์แวร์หรือระบบที่ได้รับการรับรองจากกรมสรรพากร
สามารถส่งใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ให้ลูกค้าผ่านทางอีเมลหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
5. ความปลอดภัย:
มีการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อป้องกันการแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต
ใช้เทคโนโลยีการลงลายมือชื่อดิจิทัลเพื่อยืนยันความถูกต้องของเอกสาร
6. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง:
เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
ได้รับการยอมรับทางกฎหมายเช่นเดียวกับใบกำกับภาษีแบบกระดาษ
ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบภาษีของประเทศไทยสู่ยุคดิจิทัล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเอกสารทางการเงินและสนับสนุนการทำธุรกิจในยุค 4.0
ระบบ e-Tax Invoice by Email เป็นวิธีการออกและส่งมอบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพากร โดยผู้ขายสามารถจัดทำใบกำกับภาษีในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์และส่งให้ลูกค้าทางอีเมล ระบบนี้ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว และง่ายต่อการจัดเก็บข้อมูล แม้จะต้องได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากรและมีข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แต่ก็มีความยืดหยุ่นมากกว่าระบบ e-Tax Invoice แบบเต็มรูปแบบ ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจและบริการขนาดเล็กถึงกลางที่ต้องการเริ่มต้นใช้ระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ โดยยังคงมีผลทางกฎหมายเช่นเดียวกับใบกำกับภาษีแบบกระดาษ ระบบนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมของธุรกิจสู่การใช้ระบบ e-Tax Invoice อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
ใบกำกับภาษีมีหลายรูปแบบ แต่ละประเภทมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับธุรกิจของตน มาดูกันว่ามีประเภทใดบ้าง
ปัจจุบันกรมสรรพากรได้แบ่งใบกำกับภาษีออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ
1. ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป
ต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ออกและผู้ซื้อ
ต้องจัดทำทันทีเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น
สามารถจัดทำในรูปแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice)
1.1 การยกเลิกใบกำกับภาษีฉบับเดิม เพื่อออกฉบับใหม่
ต้องมีเหตุผลอันสมควร เช่น ข้อมูลผิดพลาด
ต้องเก็บใบกำกับภาษีฉบับเดิมที่ยกเลิกไว้เป็นหลักฐาน
ออกใบกำกับภาษีฉบับใหม่โดยอ้างอิงถึงฉบับเดิมที่ยกเลิก
1.2 การออกใบแทนใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้
ออกได้เมื่อใบกำกับภาษีเดิมสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุด
ต้องมีข้อความระบุว่าเป็น "ใบแทน" และอ้างอิงถึงใบกำกับภาษีเดิม
ต้องมีรายการครบถ้วนเหมือนฉบับเดิม
2. ใบกำกับภาษีอย่างย่อ
ใช้สำหรับการขายสินค้าหรือให้บริการแก่ผู้บริโภคทั่วไป
มีรายการน้อยกว่าใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป
ต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรก่อนใช้
สามารถออกด้วยเครื่องบันทึกการเก็บเงินได้
3. เอกสารอื่นที่ถือเป็นใบกำกับภาษี
3.1 ใบเพิ่มหนี้
ออกเมื่อมีการเพิ่มราคาสินค้าหรือค่าบริการภายหลัง
ต้องมีรายการตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงอ้างอิงใบกำกับภาษีเดิม
3.2 ใบลดหนี้
ออกเมื่อมีการลดราคาสินค้าหรือค่าบริการภายหลัง
ต้องมีรายการตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงอ้างอิงใบกำกับภาษีเดิม
3.3 ใบเสร็จรับเงินที่ส่วนราชการออกให้ในการขายทอดตลาด
ใช้แทนใบกำกับภาษีในกรณีการขายทอดตลาดโดยส่วนราชการ
ต้องมีรายการตามที่กฎหมายกำหนด
3.4 ใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากร กรมศุลกากร หรือกรมสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม
แต่ละประเภทมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน ผู้ประกอบการควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจและประเภทของการทำธุรกรรม เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายและเกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการภาษี
การออกใบกำกับภาษีไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ตามใจชอบ แต่มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ชัดเจน การเข้าใจว่าเมื่อไหร่ที่สามารถออกใบกำกับภาษีได้จะช่วยให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง มาดูกันว่ามีกรณีใดบ้างที่สามารถออกใบกำกับภาษีได้
กรณีมีการโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าหรือบริการให้แก่ผู้ซื้อ
หมายความว่าผู้ซื้อมีสิทธิ์ครอบครองและใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ โดยชอบธรรม
โดยทั่วไปแล้ว การโอนกรรมสิทธิ์จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อรับสินค้าหรือบริการไปแล้ว
กรณีขายสินค้าออนไลน์ การโอนกรรมสิทธิ์จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อได้รับสินค้า
กรณีให้บริการ การโอนกรรมสิทธิ์จะเกิดขึ้นเมื่อบริการเสร็จสิ้น
กรณีมีการชำระค่าสินค้าหรือบริการ
หมายความว่าผู้ซื้อได้ชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการให้แก่ผู้ขาย
ผู้ประกอบการสามารถออกใบกำกับภาษีได้ทันทีที่ได้รับชำระเงิน
กรณีขายสินค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการสามารถออกใบกำกับภาษีได้ทันทีที่ผู้ซื้อชำระเงิน
กรณีให้บริการ ผู้ประกอบการสามารถออกใบกำกับภาษีได้หลังจากบริการเสร็จสิ้นและได้รับชำระเงิน
เพื่อให้เข้าใจลักษณะของใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มาดูตัวอย่างพร้อมคำอธิบายรายละเอียดสำคัญที่ต้องมีในเอกสารนี้
รายละเอียดในใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ
ชื่อและที่อยู่ของผู้ขาย: [ชื่อผู้ขาย] [ที่อยู่ผู้ขาย]
เลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของผู้ขาย: [เลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม]
ลำดับเลขของใบกำกับภาษี: [ลำดับเลข]
วันที่ออกใบกำกับภาษี: [วันที่]
ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อ: [ชื่อผู้ซื้อ] [ที่อยู่ผู้ซื้อ]
รายละเอียดสินค้าหรือบริการ:
รายการสินค้าหรือบริการ
หน่วยนับ
ปริมาณ
ราคาต่อหน่วย
ยอดเงิน
ส่วนลด (ถ้ามี): [จำนวนเงินส่วนลด]
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): [จำนวนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม]
ยอดรวม: [ยอดรวม]
ใบกำกับภาษีอย่างย่อมีรูปแบบที่ง่ายกว่าแบบเต็มรูป แต่ก็ยังคงต้องมีข้อมูลสำคัญครบถ้วน ลองมาดูตัวอย่างและรายละเอียดที่จำเป็นกัน
รายละเอียดในใบกำกับภาษีอย่างย่อ
ชื่อและที่อยู่ของผู้ขาย: [ชื่อผู้ขาย] [ที่อยู่ผู้ขาย]
เลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของผู้ขาย: [เลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม]
ลำดับเลขของใบกำกับภาษี: [ลำดับเลข]
วันที่ออกใบกำกับภาษี: [วันที่]
ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อ: [ชื่อผู้ซื้อ] [ที่อยู่ผู้ซื้อ] (ไม่จำเป็นต้องระบุ)
รายการสินค้าหรือบริการ:
รายการสินค้าหรือบริการ
ปริมาณ
ราคาต่อหน่วย
ยอดเงิน
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): [จำนวนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม] (กรณีรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ยอดรวม: [ยอดรวม]
หมายเหตุ:
ตัวอย่างใบกำกับภาษีเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น รายละเอียดในใบกำกับภาษีจริงอาจแตกต่างกันไป
ผู้ประกอบการควรตรวจสอบข้อมูลกับกรมสรรพากร หรือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
นอกจากเป็นเอกสารสำคัญทางธุรกิจ ใบกำกับภาษียังมีบทบาทสำคัญในการช่วยประหยัดภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาด้วย มาดูกันว่าใบกำกับภาษีสามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในการขอลดหย่อนภาษีได้อย่างไรบ้าง
ใบกำกับภาษี (Tax Invoice) เป็นเอกสารสำคัญที่ผู้ซื้อสินค้าหรือรับบริการสามารถใช้เป็นหลักฐานในการขอลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนี้
การเข้าใจเกี่ยวกับใบกำกับภาษีเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ประกอบการทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการออกใบกำกับภาษีให้ถูกต้อง หรือการเก็บรักษาเอกสารเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษี จะช่วยให้เราสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากการทำความเข้าใจใบกำกับภาษีแล้ว การวางแผนการลดหย่อนภาษีก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และประกันชีวิตเพื่อวางแผนเกษียณ ไม่เพียงแต่ช่วยคุ้มครองตนเองและครอบครัว แต่ยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย การมีแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้เรามีความมั่นคงในอนาคต และสามารถจัดการภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซต์กรมสรรพากร - https://www.rd.go.th/
ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt - https://etax.rd.go.th/
ใบกำกับภาษีมี 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ใบกำกับภาษี ใบกำกับภาษีย่อย และใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์
ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ คือ ใบกำกับภาษีที่จัดทำและออกในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ แทนการจัดทำเป็นเอกสารกระดาษ
ต้องออกใบกำกับภาษีเช่นเดียวกับการขายในประเทศ เนื่องจากเป็นเอกสารที่แสดงรายละเอียดการขายและภาษีที่เกี่ยวข้อง
ไม่จำเป็น ผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไม่ต้อง ออกใบกำกับภาษี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียน VAT ไม่จำเป็นต้องออกใบกำกับภาษี แต่ การออกใบเสร็จรับเงินหรือใบแจ้งหนี้เป็นสิ่งที่แนะนำ เพื่อเป็นหลักฐานในการซื้อขายและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ
สอนวิธียื่นภาษีออนไลน์แบบเข้าใจง่ายในทุกขั้นตอน
เช็กสิทธิประกันสังคมด้วยเลขบัตรประชาชน ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
เปิดประตูสู่กองทุนสำหรับลดหย่อนภาษี SSF RMF และ ThaiESG
สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง
ติดต่อเรา
ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ