
รู้ค่ารักษามะเร็งก่อนรักษา ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน
รู้หรือไม่ว่า ริดสีดวงไม่ใช่เรื่องน่าอายที่ต้องปกปิด ปัจจุบันมีคนไทยมากกว่า 3 ใน 4 เคยประสบปัญหานี้มาแล้ว และสิ่งสำคัญคือ ริดสีดวงสามารถบรรเทาและรักษาอาการด้วยตัวเองได้ โดยไม่ต้องกังวลหรือเสียค่าใช้จ่ายสูง บทความนี้จะเปิดเผยเคล็ดลับ 10 วิธีรักษาริดสีดวงที่ทำได้ที่บ้าน ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้อาการลุกลามรุนแรงขึ้น
ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) เป็นภาวะที่เส้นเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่และทวารหนักเกิดการขยายตัว บวมพอง และยืดตัวผิดปกติ จนกลายเป็นติ่งเนื้อที่ยื่นออกมาจากทวารหนัก ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ โดยประมาณ 3 ใน 4 ของผู้ใหญ่มักเคยเป็นโรคริดสีดวงทวารอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต และเมื่อเกิดอาการขึ้น ผู้ป่วยอาจสังเกตพบเลือดปนออกมากับอุจจาระในระหว่างการขับถ่าย
ริดสีดวงทวารสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ได้แก่ ริดสีดวงภายในและริดสีดวงภายนอก
ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids) เกิดขึ้นในส่วนที่สูงกว่าระดับหูรูดทวารหนัก มักไม่มีอาการเจ็บปวดเนื่องจากบริเวณนี้มีเส้นประสาทรับความรู้สึกน้อย แบ่งตามความรุนแรงได้ 4 ระยะ
ระยะที่ 1: มีขนาดเล็ก ไม่ยื่นออกมานอกทวารหนัก แต่อาจมีเลือดออกขณะถ่าย
ระยะที่ 2: มีติ่งยื่นออกมาเมื่อเบ่งถ่าย แต่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง
ระยะที่ 3: มีติ่งยื่นออกมาและต้องใช้นิ้วดันกลับเข้าไป
ระยะที่ 4: มีติ่งยื่นออกมาตลอดเวลา ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้
ริดสีดวงภายนอก (External Hemorrhoids) เกิดที่บริเวณขอบทวารหนักด้านนอก สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ชัดเจน มักมีอาการเจ็บปวดเนื่องจากมีเส้นประสาทรับความรู้สึกมาก อาการที่พบได้เช่น ปวด บวม อักเสบ และอาจมีเลือดออกได้
ริดสีดวงทวารเกิดจากหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดแรงดันผิดปกติในเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก โดยสามารถแบ่งสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงได้ดังนี้
1. ปัจจัยทางพฤติกรรม
พฤติกรรมการขับถ่ายที่ไม่เหมาะสม เช่น นั่งเบ่งนานเกินไป หรือการเล่นโทรศัพท์ขณะขับถ่าย ทำให้เกิดแรงดันสะสมบริเวณทวารหนัก
การออกกำลังแรงๆ หรือยกของหนักเป็นประจำ ส่งผลให้ความดันในช่องท้องเพิ่มสูงขึ้น
การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ซึ่งอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บและการอักเสบ
2. ปัจจัยด้านการรับประทานอาหาร
การบริโภคอาหารที่มีกากใยน้อย ทำให้เกิดอาการท้องผูกเรื้อรัง
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด
การรับประทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะอาหารเผ็ด อาจกระตุ้นการอักเสบ
3. ปัจจัยทางสุขภาพ
โรคอ้วนหรือน้ำหนักตัวมากเกินไป ทำให้มีแรงกดทับบริเวณทวารหนัก
โรคตับแข็ง ซึ่งส่งผลให้มีการคั่งของเลือดในเส้นเลือดดำที่ทวารหนักโป่งพอง
ภาวะท้องผูกหรือท้องเสียเรื้อรัง ที่ทำให้ต้องเบ่งมากหรือถ่ายบ่อย
4. ปัจจัยทางพันธุกรรม
พบความเกี่ยวข้องกับยีน FOXC2 บนโครโมโซมคู่ที่ 16
มีประวัติคนในครอบครัวเป็นริดสีดวงทวาร แสดงถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
5. ปัจจัยจากสภาพแวดล้อมและการทำงาน
อาชีพที่ต้องยืนหรือนั่งนานๆ ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด
การทำงานที่ต้องยกของหนักเป็นประจำ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
6. ปัจจัยตามช่วงวัยและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
การตั้งครรภ์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและแรงกดในช่องท้อง
วัยสูงอายุ ที่มีความเสื่อมของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันบริเวณทวารหนัก
การเข้าใจสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยในการป้องกันและหลีกเลี่ยงการเกิดโรค รวมถึงช่วยในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
การปรับพฤติกรรมการขับถ่ายเป็นวิธีพื้นฐานที่สำคัญในการรักษาและป้องกันริดสีดวง โดยควรฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลาเพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชิน ไม่ควรนั่งเบ่งนานเกิน 10 นาที เพราะจะทำให้เกิดแรงดันที่ทวารหนักมากเกินไป และควรหลีกเลี่ยงเล่นโทรศัพท์ขณะขับถ่าย เพราะจะทำให้ใช้เวลานานเกินความจำเป็นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวง
การนั่งแช่น้ำอุ่นเป็นวิธีในการบรรเทาอาการปวด บวม และอักเสบของริดสีดวง ควรแช่วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที ซึ่งช่วยขยายหลอดเลือดและกระตุ้นการไหลเวียน สำคัญที่สุดคือต้องทำความสะอาดอ่างทุกครั้งก่อนใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การรับประทานอาหารที่เหมาะสมมีส่วนสำคัญในการรักษาริดสีดวง ควรเพิ่มการรับประทานผักและผลไม้ที่มีกากใยสูงเพื่อช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างราบรื่น ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้วเพื่อช่วยให้อุจจาระนุ่ม และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดโดยเฉพาะอาหารเผ็ด เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองบริเวณทวารหนัก
สมุนไพรหลายชนิดมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการริดสีดวง เช่น ว่านหางจระเข้ที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบและสมานแผล เพชรสังฆาตที่ช่วยให้หลอดเลือดดำที่บวมเป่งบริเวณทวารหนักหดตัว และเม็ดแมงลักที่ช่วยเพิ่มกากใยอาหารและทำให้อุจจาระนุ่มขึ้น การใช้สมุนไพรเหล่านี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
การดูแลความสะอาดบริเวณทวารหนักอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการอักเสบและการติดเชื้อ ควรล้างด้วยน้ำสะอาดทุกครั้งหลังขับถ่าย เช็ดให้แห้งเบาๆ ด้วยผ้านุ่ม และหลีกเลี่ยงการใช้กระดาษทิชชู่ขัดถูเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและบาดเจ็บเพิ่มเติม
การออกกำลังกายแบบเบาๆ สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดอาการของริดสีดวงได้ แนะนำให้เดินเบาๆ วันละ 30 นาที ว่ายน้ำซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ไม่กระแทก หรือฝึกโยคะท่าพื้นฐานที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณอุ้งเชิงกราน แต่ควรหลีกเลี่ยงท่าที่ต้องเบ่งหรือกดดันบริเวณท้องมากเกินไป
หมอนรองนั่งแบบโดนัทเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดแรงกดทับบริเวณทวารหนัก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องนั่งเป็นเวลานาน ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับสรีระ และรักษาความสะอาดของหมอนอย่างสม่ำเสมอ การใช้หมอนรองนั่งช่วยบรรเทาอาการปวดและป้องกันการกดทับที่อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น
การประคบเย็นเป็นอีกวิธีในการบรรเทาอาการปวดบวมของริดสีดวง ควรประคบเมื่อมีอาการปวดบวมโดยใช้เวลาครั้งละ 10-15 นาที และทำวันละ 2-3 ครั้ง ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวด และลดอาการบวมของเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นริดสีดวง
น้ำหนักตัวที่มากเกินไปเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของการเกิดริดสีดวง การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงมีความสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง ควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละวัน และรักษาสมดุลของการรับประทานอาหารร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การรับประทานอาหารที่เหมาะสมมีส่วนสำคัญในการรักษาริดสีดวง ควรเพิ่มการรับประทานผักและผลไม้ที่มีกากใยสูงเพื่อช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างราบรื่น ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้วเพื่อช่วยให้อุจจาระนุ่ม และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดโดยเฉพาะอาหารเผ็ด เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองบริเวณทวารหนัก
การใช้ยาทาเฉพาะที่สามารถช่วยบรรเทาอาการของริดสีดวงได้ โดยมีทั้งยาทาลดการอักเสบ ครีมบรรเทาอาการคัน และยาเหน็บทวารหนัก การใช้ยาเหล่านี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีและปลอดภัย หากใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแพ้ ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ทันที
ปรับพฤติกรรมการขับถ่าย การเข้าห้องน้ำทันทีเมื่อปวดอุจจาระเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ควรกลั้นอุจจาระเพราะจะทำให้อุจจาระแข็งตัวและขับถ่ายยากขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวง
รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักสด ผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี กล้วยน้ำว้า และมะละกอสุก ซึ่งจะช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างราบรื่น ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน และเริ่มต้นวันด้วยการดื่มน้ำอุ่น 1 แก้วตอนเช้าเพื่อกระตุ้นการขับถ่าย
ดูแลสุขอนามัยบริเวณทวารหนัก ทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดทุกครั้งหลังขับถ่าย เลือกใช้กระดาษชำระที่นุ่มและไม่ขัดถูแรงๆ หลังจากนั้นควรเช็ดให้แห้งอย่างระมัดระวังโดยการซับเบาๆ
ออกกำลังกายและการควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ครั้งละ 30 นาที จะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก็มีความสำคัญ หากมีน้ำหนักเกินควรพยายามลดน้ำหนักและรักษาดัชนีมวลกายให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ไม่ควรปล่อยริดสีดวงไว้โดยไม่ได้รับการรักษา เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นได้ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหากปล่อยไว้นานเกินไป ได้แก่ มีเลือดออกบ่อยครั้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะซีดและอ่อนเพลีย และริดสีดวงอาจลุกลามและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงมากขึ้น จนต้องผ่าตัด ดังนั้น เมื่อพบอาการของริดสีดวง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพและรับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็ว
ริดสีดวงภายนอกส่วนใหญ่สามารถหายเองได้ โดยมักจะเป็นอาการอักเสบชั่วคราวที่เกิดจากการเบ่งถ่ายบ่อยๆ ซึ่งผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการด้วยการปรับพฤติกรรมการขับถ่ายอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หากพบว่าริดสีดวงยังไม่หายไปเอง หรือกลับเป็นบ่อยครั้ง ก็ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากอาจมีความจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อเอาลิ่มเลือดออก
สำหรับผู้ที่มีสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง จะสามารถเข้ารับการรักษาริดสีดวงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรืออาจจ่ายเพียง 30 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโรงพยาบาล ดังนั้น ก่อนเข้ารับการรักษา ควรสอบถามข้อมูลค่าใช้จ่ายกับแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เพื่อวางแผนการรักษาและค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม
หากริดสีดวงแตก จะมีอาการดังนี้ คลำได้ก้อนแข็งบริเวณทวารหนัก เลือดไหลไม่หยุด อาจไหลออกมาปริมาณมาก และเจ็บ ปวด แสบบริเวณรูทวารหนัก ในกรณีที่ริดสีดวงแตกและมีเลือดออกมากกว่า ปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อประเมินสภาพและได้รับการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
รู้ค่ารักษามะเร็งก่อนรักษา ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน
ปวดท้องน้อยด้านซ้าย สัญญาณเตือนอะไร? เข้าใจสาเหตุและวิธีรับมือ
7 โรคร้ายแรงที่คนไทยควรรู้จัก และวิธีป้องกัน
สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง
ติดต่อเรา
ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ