​วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ง่าย ๆ พร้อมตัวอย่าง

ข้ามไปหน้าหลัก
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาง่าย ๆ พร้อมตัวอย่าง

11/2024
คํานวณภาษี​

​​

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เปรียบเสมือนภาระหน้าที่ของพลเมืองที่พึงปฏิบัติ การเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกำหนด ช่วยให้ภาครัฐมีรายได้นำมาพัฒนาประเทศ สร้างประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม แต่สำหรับผู้เสียภาษีเอง ความเข้าใจในระบบภาษี วิธีการคำนวณ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ล้วนส่งผลต่อภาระค่าใช้จ่าย ​​การวางแผนการเงิน​​ และโอกาสในการประหยัดภาษี​

​​บทความนี้จะเป็นคู่มือสำหรับบุคคลทั่วไป ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อธิบาย​​ทีละ​​ขั้นตอน​​อย่างละเอียด ​​เข้าใจง่าย ครอบคลุมตั้งแต่การคำนวณเงินได้สุทธิ หักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน ไปจนถึงวิธีคำนวณภาษีตามอัตราภาษีแบบก้าวหน้า พร้อมตัวอย่างประกอบ และรายการค่าลดหย่อนภาษีที่หลากหลาย​ ​ด้วยความรู้และความเข้าใจในระบบภาษี ผู้เสียภาษีจะสามารถวางแผนการเงิน ลดหย่อนภาษีได้อย่างถูกต้อง ประหยัดเงิน และเสียภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ​
 

​ยื่นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาได้ตั้งแต่วันไหน

​​การยื่นภาษีเป็นหน้าที่สำคัญของพลเมือง แต่หลายคนอาจสงสัยว่าควรเริ่มยื่นเมื่อไหร่ ต่อไปนี้คือกำหนดการสำคัญที่ทุกคนควรทราบ ​​บุคคลธรรมดาต้องยื่นแบบภาษีตามลักษณะรายได้ ​​​​มนุษย์เงินเดือน​​ทั่วไปยื่นปีละครั้งภายใน 31 มีนาคมของปีถัดไป ส่วนผู้มีรายได้จากการให้เช่า วิชาชีพอิสระ รับเหมา หรือธุรกิจ ต้องยื่นเพิ่มช่วงกลางปีสำหรับรายได้ 6 เดือนแรกภายในกันยายน นอกจากนี้ แม้ไม่ต้องเสียภาษี แต่หากมีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี ก็ยังคงต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี การยื่นตรงเวลาช่วยหลีกเลี่ยงค่าปรับและควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากรเสมอ​
 

ใครบ้างมีหน้าที่ต้องยื่นภาษี

​​บุคคลธรรมดาที่มีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไปต่อปีต้องยื่นภาษี โดยอัตราภาษีเป็นแบบขั้นบันได เริ่มจากยกเว้นภาษีสำหรับรายได้ 0-150,000 บาท และเพิ่มขึ้นตามช่วงรายได้จนถึง 35% สำหรับรายได้เกิน 5 ล้านบาท ทั้งนี้ การคำนวณภาษีจะใช้เงินได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ซึ่งผู้เสียภาษีสามารถใช้​​สิทธิประโยชน์จากค่าลดหย่อนต่าง ๆ​​ และการลงทุนในกองทุน RMF, SSF เพื่อลดภาระภาษีได้ แม้รายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี แต่หากเกิน 120,000 บาท ก็ยังต้องยื่นแบบแสดงรายการ การเข้าใจเรื่องภาษีจะช่วยในการวางแผนการเงินและใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ​

​ขั้นตอนการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

​​การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอาจดูซับซ้อน แต่เมื่อเข้าใจขั้นตอนพื้นฐาน จะสามารถประเมินภาระภาษีของตนเองได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ เจ้าของธุรกิจ หรือมีรายได้จากหลายแหล่ง การทำความเข้าใจกับขั้นตอนต่อไปนี้จะช่วยให้วางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง​

1. คำนวณเงินได้พึงประเมิน:​​ รวบรวมรายได้ทั้งหมดในปีภาษี เช่น เงินเดือน โบนัส รายได้จากการประกอบอาชีพ รายได้จากการลงทุน ฯลฯ​

2. ​​หักค่าใช้จ่าย:​​ หักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งรายได้ ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าเช่า ค่าเสื่อมราคา ฯลฯ (สำหรับมนุษย์เงินเดือน สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินเดือนและโบนัส ไม่เกิน 100,000 บาท)​

3. ​​หักค่าลดหย่อน:​​ หักค่าลดหย่อนตามสิทธิ์ที่ผู้เสียภาษีมี เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนคู่สมรส ค่าลดหย่อนบุตร ค่าลดหย่อนประกันสังคม ค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต ค่าลดหย่อน RMF/SSF ฯลฯ​

​​4. คำนวณเงินได้สุทธิ:​​ นำเงินได้พึงประเมินมาหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ผลลัพธ์ที่ได้คือเงินได้สุทธิ​

5. คำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า:​ ​คำนวณทีละขั้นและนำมารวมกัน ตามอัตราต่อไปนี้: ​

  • ​​0 - 150,000 บาท : 0% ​

  • ​​150,001 - 300,000 บาท : 5% ​

  • ​​300,001 - 500,000 บาท : 10% ​

  • ​​500,001 - 750,000 บาท : 15% ​

  • ​​750,001 - 1,000,000 บาท : 20% ​

  • ​​1,000,001 - 2,000,000 บาท : 25% ​

  • ​​2,000,001 - 5,000,000 บาท : 30% ​

  • ​​5,000,001 บาทขึ้นไป : 35% ​

​​สูตรคำนวณภาษีแต่ละขั้น: ภาษี = (เงินได้สุทธิในแต่ละขั้น - จุดเริ่มต้นของขั้นนั้น) x อัตราภาษีของขั้นนั้น​

6. ​​รวมภาษีที่ต้องชำระ​​ = ผลรวมของภาษีในทุกขั้นที่คำนวณได้​
7. หักภาษีหัก ณ ที่จ่าย​​ (ถ้ามี) = ผลลัพธ์จากข้อ 6 - ภาษีที่ถูกหักไว้ล่วงหน้า​
8. คำนวณภาษีที่ต้องชำระเพิ่มหรือได้รับคืน​​ = ผลลัพธ์จากข้อ 7 (ถ้าเป็นบวกคือต้องชำระเพิ่ม, ถ้าเป็นลบคือได้รับคืน)​

​​หมายเหตุ:​

  • ​​ค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนมีหลายประเภท ต้องตรวจสอบตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด​
  • ​​สำหรับเงินได้บางประเภท เช่น เงินปันผลหรือดอกเบี้ย อาจมีวิธีคำนวณภาษีเฉพาะ​
  • ​​อัตราภาษีอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากร​
     

ตัวอย่าง​​การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

​​เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มาดูตัวอย่างการคำนวณจากสถานการณ์จำลองกัน ตัวอย่างนี้จะแสดงวิธีการคำนวณภาษีแบบละเอียด ตั้งแต่การรวมรายได้ การหักค่าใช้จ่าย ไปจนถึงการคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพรวมของกระบวนการคำนวณภาษีทั้งหมด​

​​ตัวอย่าง: นาย ก. อายุ 35 ปี สมรสแล้ว มีบุตร 1 คน​

1. รายรับ​

  • ​​เงินเดือน: 50,000 บาท/เดือน​
  • ​​โบนัส: 100,000 บาท/ปี​
  • ​​รายได้อื่นๆ (ฟรีแลนซ์): 60,000 บาท/ปี​

2. ลดหย่อนครอบครัว 
  • ​​สถานภาพ: สมรส​
  • บุตร: 1 คน​

3. ​​กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินประกันสังคม และที่อยู่อาศัย​

  • ​​กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ: 3% ของเงินเดือน​
  • ประกันสังคม: 750 บาท/เดือน​
  • ​​ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย: 80,000 บาท/ปี​

4. ประกัน 

  • ​​เบี้ยประกันชีวิต: 20,000 บาท/ปี​
  • เบี้ยประกันสุขภาพ: 15,000 บาท/ปี​

5. กองทุนอื่นๆ 

  • ​​RMF: 30,000 บาท/ปี​
  • SSF: 20,000 บาท/ปี​

6. ​​คำนวณภาษี​

​​ขั้นตอนที่ 1​​: รวมเงินได้พึงประเมิน​

  • ​​เงินเดือน: 50,000 x 12 = 600,000 บาท​

  • ​​โบนัส: 100,000 บาท​

  • ​​รายได้อื่นๆ: 60,000 บาท รวมเงินได้พึงประเมิน: 760,000 บาท​

​​ขั้นตอนที่ 2​​: หักค่าใช้จ่าย​

  • ​​เงินเดือนและโบนัส: (600,000 + 100,000) x 50% = 350,000 บาท (แต่ไม่เกิน 100,000 บาท)​

  • ​​รายได้อื่นๆ: 60,000 x 50% = 30,000 บาท รวมค่าใช้จ่าย: 100,000 + 30,000 = 130,000 บาท​

​​ขั้นตอนที่ 3​​: หักค่าลดหย่อน​

  • ​​ส่วนตัว: 60,000 บาท​

  • ​​คู่สมรส: 60,000 บาท​

  • ​​บุตร: 30,000 บาท​

  • ​​กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ: 50,000 x 12 x 3% = 18,000 บาท​

  • ​​ประกันสังคม: 750 x 12 = 9,000 บาท​

  • ​​ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย: 80,000 บาท (ไม่เกิน 100,000 บาท)​

  • ​​ประกันชีวิตและสุขภาพ: 20,000 + 15,000 = 35,000 บาท (ไม่เกิน 100,000 บาท)​ 

  • ​​RMF: 30,000 บาท​

  • ​​SSF: 20,000 บาท (หมายเหตุ: RMF และ SSF รวมกันไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินและไม่เกิน 500,000 บาท) รวมค่าลดหย่อน: 342,000 บาท​

​​ขั้นตอนที่ 4​​: คำนวณเงินได้สุทธิ เงินได้สุทธิ = เงินได้พึงประเมิน - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = 760,000 - 130,000 - 342,000 = 288,000 บาท​

​​ขั้นตอนที่ 5​​: คำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า​

  • ​​0 - 150,000 บาท: 0 บาท​

  • ​​150,001 - 288,000 บาท: (288,000 - 150,000) x 5% = 6,900 บาท​

​​สรุป: นาย ก. ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีเป็นเงิน 6,900 บาท​

รายการตัวช่วยลดหย่อนภาษี

​การลดหย่อนภาษีเป็นวิธีที่ช่วยให้ประหยัดเงินได้อย่างถูกกฎหมาย โดยการนำค่าใช้จ่ายบางประเภทมาหักออกจากรายได้ก่อนคำนวณภาษี ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนนี้จะแนะนำรายการลดหย่อนภาษีที่สำคัญ แบ่งเป็นกลุ่มต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจและวางแผนการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างครบถ้วน มาดูกันว่ามีรายการอะไรบ้างที่สามารถนำมาช่วยลดหย่อนภาษีได้

​​กลุ่มที่ 1: ค่าลดหย่อนพื้นฐาน​

1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท​

2. ​​ค่าลดหย่อนคู่สมรส: 60,000 บาท​

3. ​​ค่าลดหย่อนบุตร:​

  • ​​บุตรชอบด้วยกฎหมาย 30,000 บาทต่อคน​
  • ​​บุตรที่เกิดในปี 2561 เป็นต้นไป สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท​
  • ​​บุตรบุญธรรม 30,000 บาทต่อคน (รวมกันไม่เกิน 3 คน) ​

​​4. ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร: ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 60,000 บาท​

5. ​​ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา: ลดหย่อนได้ 30,000 บาทต่อคน (รวมบิดามารดาของคู่สมรส) บิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี​

​​6. ค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ: ลดหย่อนได้ 60,000 บาทต่อคน

​​กลุ่มที่ 2: ค่าลดหย่อน/ยกเว้น ด้านการออมและการลงทุน​

  1. ​​เงินประกันสังคม: ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท​
  2. ​​เบี้ยประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์: ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทเงื่อนไข: ระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป และทำกับบริษัทประกันในไทย​
  3. ​​เบี้ยประกันสุขภาพ: ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท รวมกับประกันชีวิตและสะสมทรัพย์แล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท​
  4. ​​เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา: ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท เงื่อนไข: บิดามารดามีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี​
  5. ​​กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF): ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท​
  6. ​​กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF): ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท หรือไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า​
  7. ​​กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD): ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท​
  8. ​​กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.): ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท​
  9. ​​กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.):ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท​
  10. ​​เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ:ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท เงื่อนไข: ระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป และจ่ายผลประโยชน์เป็นรายงวด​
  11. ​​กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) - ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 100,000 บาท​

​​หมายเหตุ: การลงทุนในกองทุน RMF, SSF, PVD, กบข., กอช. และประกันชีวิตแบบบำนาญ เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท​
 

​​กลุ่มที่ 3: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายภาครัฐ​

1. Easy e-Receipt 2567

  • ​​ลดหย่อนได้ไม่เกิน 50,000 บาท ตามที่จ่ายจริง​

  • ​​สำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการที่มีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์​

  • ​​ระยะเวลา: 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567​

  • ​​รวมถึงสินค้า OTOP และหนังสือ (รวม E-Book)​
     

2. ​​ค่าท่องเที่ยวเมืองรอง 2567​

  • ​​ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท ตามที่จ่ายจริง​

  • ​​สำหรับ 55 จังหวัดรอง​

  • ​​ครอบคลุมค่าบริการท่องเที่ยว ค่าที่พัก และแพ็คเกจทัวร์​

  • ​​ระยะเวลา: 1 พฤษภาคม – 30 พฤศจิกายน 2567 (รอประกาศเป็นกฎหมาย)​
     

3. ​​​​ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย​

  • ​​ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท​

  • ​​สำหรับการซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัย เช่น บ้าน คอนโด ห้องชุด​
     

4. ​​​​​​ค่าสร้างบ้านใหม่ 2567-2568​

  • ​​ลดหย่อนได้ 10,000 บาท ต่อค่าก่อสร้างทุก 1 ล้านบาท​​ (รวม VAT แล้ว) ​

  • ​​รวมแล้วไม่เกิน 100,000 บาท​

  • ​​จำกัด 1 หลัง มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท​

  • ​​ระยะเวลา: 9 เมษายน 2567 – 31 ธันวาคม 2568​

    ​​หมายเหตุ: มาตรการเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายของรัฐบาล ผู้เสียภาษีควรติดตามข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากรเพื่อการวางแผนภาษีที่เหมาะสม​
     

​​กลุ่มที่ 4: ค่าลดหย่อนเพื่อบริจาค​

​​1. เงินบริจาคทั่วไป​

  • ​​ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนอื่นๆ​


2. ​​เงินบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์​

  • ​​ลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนที่บริจาคจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนอื่นๆ​
  • ​​ครอบคลุมการบริจาคเพื่อการศึกษา กีฬา พัฒนาสังคม และสถานพยาบาลของรัฐ​
  • ​​รวมถึงการบริจาคให้กองทุนต่างๆ เช่น กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กองทุนส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม​


3. ​​เงินบริจาคให้พรรคการเมือง​

  • ​​ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท​

​หมายเหตุ​

  • ​​การบริจาคต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด​
  • ​​ควรเก็บหลักฐานการบริจาคเพื่อการตรวจสอบ​
  • ​​บางกรณีอาจต้องบริจาคผ่านระบบ e-Donation​
  • ​​ผู้เสียภาษีควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากรเสมอ​
     

​​การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แม้จะดูยุ่งยาก แต่การเข้าใจขั้นตอน วิธีการ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จะช่วยให้ผู้เสียภาษีวางแผนการเงิน จัดการภาระภาษี และประหยัดเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้​

​​การทำ​​​​ประกันชีวิต​ประกันสุขภาพ​ ​​​ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์​​ และ​​ประกันชีวิตเพื่อวางแผนเกษียณ​​ ยังช่วยให้ได้รับความคุ้มครอง วางแผนอนาคต และใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อีกด้วย​

​​ขอบคุณข้อมูลจาก​

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา​

​​หากยื่นแบบฯ ภายในกำหนดเวลา และมีภาษีที่ต้องชำระตั้งแต่ 3,000 บาท ขึ้นไป สามารถขอผ่อนชำระได้ 3 งวด​

​​เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา ได้รับยกเว้นตามมาตรา 42(28) แห่งประมวลรัษฎากร​

​​หากมีเงินได้จากการให้เช่าเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(5) และมีเงินได้ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนมิถุนายน รวมจำนวน 480,000 บาท จึงมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.94 ภายในเดือนกันยายน​

​​รางวัลสลากกินแบ่งของรัฐบาล ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 42(11) แห่งประมวลรัษฎากร ไม่ต้องนำมายื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.94​

​เป็นการบรรเทาภาระภาษี หากไม่มีการยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.94 ภ.ง.ด.94 จะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและชำระภาษีเป็นเงินจำนวนมาก ทำให้เป็นภาระสำหรับผู้มีเงินได้

บทความ

คู่มือขอคืนภาษี รู้ก่อน ยื่นก่อน ได้เงินคืนไว ครบ จบ ในที่เดียว
 

ทำไมต้องขอคืนภาษี รู้หรือไม่ว่า ตัวเองอาจเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปมากกว่าที่ควรจะเป็น! หลายคนอาจมองข้ามการขอคืนภาษีเงินได้ เพราะคิดว่ายุ่งยาก เอกสารเยอะ หรือไม่แน่ใจว่าตัวเองมีสิทธิ์ได้คืนหรือไม่ แต่จริง ๆ แล้ว การขอคืนภาษีเงินได้นั้น

เลือกประกันสะสมทรัพย์ที่ไหนดี ที่คุ้มครองชีวิตควบคู่ไปกับการออมเงินระยะยาว

​​ค่าครองชีพสูงขึ้น​​ตามสภาพเศรษฐกิจ​​ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตควบคู่ไปกับการออมเงินระยะยาว และช่วยเรื่อง​​​การลดหย่อนภาษี​​ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้มีรายได้ประจำ

ลดหย่อนภาษีแบบเจาะลึกพร้อมวิธีใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้คุ้มค่าที่สุด

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนถึงได้เงินคืนภาษีเยอะแยะ หรือบางคนถึงไม่ต้องเสียภาษีเลย ทั้งที่รายได้ก็พอๆ กัน? คำตอบก็คือ ​​การลดหย่อนภาษี​​ นั่นเอง​ ​​เมื่อพูดถึงการลดหย่อนภาษี หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่ในความเป็นจริง

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา 

ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ