อาการปวดหัวจี๊ด สาเหตุ ตำแหน่ง และสัญญาณอันตราย

ข้ามไปหน้าหลัก
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

อาการปวดหัวจี๊ด สาเหตุ ตำแหน่ง และสัญญาณอันตราย

01/2025
อาการปวดหัว จี๊ดๆ ข้างซ้าย, ปวดหัวข้างขวา จี๊ดๆ, ปวดหัวจี๊ดๆ เกิดจากอะไร, ปวดหัวจี๊ดๆ เหมือนเข็มทิ่ม, ปวดหัวจี๊ดๆ เป็นพักๆ


อาการปวดหัวแบบจี๊ดๆ ข้างซ้าย อาจเกิดขึ้นได้กับหลายคน แต่รู้หรือไม่ว่าอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่? บางครั้งอาจเป็นเพียงอาการปวดหัวทั่วไป แต่ในบางกรณีอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาทางระบบประสาทที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด บทความนี้จะพาไปสำรวจสาเหตุ ตำแหน่งการปวด และสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมแนะนำวิธีรับมือเบื้องต้นเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ

มาทำความเข้าใจอาการปวดหัวจี๊ดๆ ที่พบได้บ่อย และเรียนรู้วิธีป้องกันเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นกัน!
 

อาการปวดหัวจี๊ด คืออะไร

อาการปวดหัวจี๊ดเป็นความรู้สึกปวดแบบเฉียบพลันที่มีลักษณะคล้ายไฟฟ้าช็อต หรือความรู้สึกแทงทะลุในศีรษะ ความรู้สึกนี้อาจเกิดขึ้นเป็นจังหวะ หรือต่อเนื่องกัน และมักมีความรุนแรงมากพอที่จะรบกวนกิจวัตรประจำวัน ลักษณะการปวดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจรู้สึกเหมือนถูกเข็มแทง บางรายอาจรู้สึกเหมือนไฟฟ้าช็อต หรือแรงกดดันอย่างรุนแรง
 

กลไกการเกิดอาการปวดหัวจี๊ด

อาการปวดหัวจี๊ดเกิดจากการกระตุ้นของเส้นประสาทรับความรู้สึกในบริเวณศีรษะและใบหน้า โดยมีกลไกการเกิดดังนี้

  1. การอักเสบหรือการระคายเคืองของเส้นประสาท

  2. การบีบตัวหรือขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง

  3. การเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทในสมอง

  4. ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ

การส่งสัญญาณความเจ็บปวดผ่านเส้นประสาทเหล่านี้จะถูกแปลผลโดยสมอง ทำให้เกิดความรู้สึกปวดจี๊ดที่มีความรุนแรงแตกต่างกันไป
 

ความแตกต่างของอาการปวดหัวแต่ละแบบ

อาการปวดหัวมีหลายรูปแบบ แต่ละแบบมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน:

  • ปวดหัวจี๊ด: มีลักษณะเหมือนไฟฟ้าช็อต เกิดขึ้นเฉียบพลัน มักเป็นที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งโดยเฉพาะ

  • ปวดหัวไมเกรน: ปวดตุบๆ มักเป็นข้างเดียว อาจมีอาการคลื่นไส้และไวต่อแสงร่วมด้วย

  • ปวดหัวจากความตึงเครียด: ปวดตื้อๆ รอบศีรษะ เหมือนมีแรงรัดรอบศีรษะ

  • ปวดหัวคลัสเตอร์: ปวดรุนแรงเป็นช่วงๆ มักเกิดบริเวณรอบตาข้างใดข้างหนึ่ง

แต่ละแบบมีสาเหตุ การรักษา และการจัดการอาการที่แตกต่างกัน การวินิจฉัยที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญต่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
 


ตำแหน่งการปวดหัวและสาเหตุ

ตำแหน่งของอาการปวดหัวสามารถบ่งชี้ถึงสาเหตุและภาวะที่เกี่ยวข้องได้ การสังเกตตำแหน่งที่ปวดจะช่วยในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งที่ปวดและสาเหตุจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
 

 

ปวดหัวข้างเดียว (ซ้ายหรือขวา)

อาการปวดหัวข้างเดียวมักเกี่ยวข้องกับภาวะไมเกรน ซึ่งมีลักษณะการปวดเป็นจุดและแผ่กระจาย หรืออาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ที่มักปวดรุนแรงบริเวณรอบดวงตา นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 หรือที่เรียกว่า Trigeminal Neuralgia อาการมักมีความรุนแรงและในบางกรณีอาจเปลี่ยนข้างได้ ความถี่และระยะเวลาของอาการจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุที่แท้จริง
 

ปวดบริเวณขมับทั้งสองข้าง

อาการปวดบริเวณขมับส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ การนอนที่ไม่เพียงพอ และภาวะความเครียดทางจิตใจ ในบางกรณีอาจเกิดจากการขบฟันหรือการเกร็งกราม โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ลักษณะการปวดมักเป็นแบบตื้อๆ หรือรู้สึกเหมือนมีแรงกดรอบศีรษะ อาการมักทุเลาลงเมื่อได้พักผ่อนอย่างเพียงพอหรือผ่อนคลายความเครียด
 

ปวดบริเวณกระบอกตาและใบหน้า

ความเจ็บปวดในบริเวณกระบอกตาและใบหน้ามักเชื่อมโยงกับภาวะไซนัสอักเสบ หรือความผิดปกติของดวงตา บางครั้งอาจเกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทบริเวณใบหน้า หรือความเครียดของกล้ามเนื้อรอบดวงตาจากการใช้สายตามากเกินไป อาการมักรุนแรงขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการก้มหน้า
 

ปวดบริเวณท้ายทอย

อาการปวดท้ายทอยมักเกี่ยวข้องกับปัญหาทางกายภาพของกระดูกคอและกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจเกิดจากท่าทางการนั่งหรือนอนที่ไม่เหมาะสม ความเครียดที่สะสมในกล้ามเนื้อคอและบ่า หรือความผิดปกติของเส้นประสาทบริเวณคอ การปรับเปลี่ยนท่าทางและการยืดกล้ามเนื้อสามารถช่วยบรรเทาอาการได้
 


สาเหตุหลักของอาการปวดหัวจี๊ด

ความเครียดและความวิตกกังวล

ความเครียดและความวิตกกังวลส่งผลโดยตรงต่อการเกิดอาการปวดหัว ผ่านการเพิ่มความตึงตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคอและศีรษะ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการหลั่งสารสื่อประสาทในสมอง และรบกวนการนอนหลับ ซึ่งทำให้วงจรชีวิตประจำวันเสียสมดุล การจัดการความเครียดจึงเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและรักษาอาการปวดหัว
 

ไมเกรน

ไมเกรนเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรง มีลักษณะเฉพาะคือการปวดตุบเป็นจังหวะ มักเกิดขึ้นเพียงข้างเดียว ผู้ป่วยอาจมีอาการนำมาก่อน เช่น การเห็นแสงวาบ หรือมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมักพบความไวต่อแสงและเสียงผิดปกติ อาการอาจคงอยู่นานหลายชั่วโมงหรือหลายวัน การรักษาต้องอาศัยทั้งการใช้ยาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
 

ไซนัสอักเสบ

ไซนัสอักเสบเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดบริเวณใบหน้าและศีรษะ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดตื้อๆ บริเวณโพรงจมูกและรอบดวงตา อาการจะรุนแรงขึ้นเมื่อมีการก้มหน้า และมักพบอาการน้ำมูกไหลหรือคัดจมูกร่วมด้วย การรักษาที่ตรงสาเหตุและการดูแลสุขอนามัยของโพรงจมูกเป็นสิ่งสำคัญ
 

อาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์

อาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์เป็นภาวะที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรงมาก มักเกิดขึ้นข้างเดียวบริเวณรอบดวงตา อาการจะเกิดเป็นช่วงๆ มักเป็นในเวลาใกล้เคียงกันของแต่ละวัน แต่ละครั้งมีระยะเวลาตั้งแต่ 15 นาทีถึง 3 ชั่วโมง ผู้ป่วยอาจมีอาการตาแดง น้ำตาไหล หรือคัดจมูกร่วมด้วย การวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความสำคัญอย่างยิ่ง
 

โรคทางระบบประสาท

ความผิดปกติของระบบประสาทที่ก่อให้เกิดอาการปวดหัวจี๊ดมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่ภาวะเส้นประสาทอักเสบ ความผิดปกติของหลอดเลือดในสมอง ไปจนถึงเนื้องอกในสมองและโรคลมชัก แต่ละภาวะมีลักษณะอาการและความรุนแรงที่แตกต่างกัน การตรวจวินิจฉัยและการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสมและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
 


สัญญาณอันตรายที่ต้องพบแพทย์ทันที

อาการปวดรุนแรงเฉียบพลัน

หากมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน เช่น ปวดเหมือนโดนฟ้าผ่า หรือรู้สึกปวดแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ควรรีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาการนี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะฉุกเฉิน เช่น ภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพองหรือการแตกของหลอดเลือดในสมอง
 

อาการร่วมที่น่ากังวล

อาการปวดหัวที่มาพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง สูญเสียการมองเห็น หรือรู้สึกอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง ควรต้องเข้ารับการตรวจจากแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะโรคทางระบบประสาทที่รุนแรง
 

อาการที่บ่งชี้ภาวะฉุกเฉิน

อาการปวดหัวที่เกิดร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือมีภาวะเกร็ง ควรพบแพทย์โดยทันที อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจ หรือภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน
 


วิธีบรรเทาอาการปวดหัวเบื้องต้น

การบรรเทาอาการปวดหัวเบื้องต้นสามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของอาการ การผสมผสานวิธีการต่างๆ อาจให้ผลการรักษาที่ดีกว่าการใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียว
 

การพักผ่อน

การพักผ่อนเป็นวิธีพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดหัว การนอนพักในที่เงียบสงบ มืด และเย็นสบาย จะช่วยลดการกระตุ้นประสาทสัมผัสและให้ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเอง ระยะเวลาในการพักผ่อนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปการพักผ่อน 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมงมักเพียงพอที่จะช่วยบรรเทาอาการได้
 

การประคบเย็น

การประคบเย็นเป็นวิธีบรรเทาอาการปวดหัวที่ได้ผลดี โดยเฉพาะในกรณีที่มีอาการปวดจากการอักเสบหรือการขยายตัวของหลอดเลือด การประคบเย็นจะช่วยลดการอักเสบและบรรเทาความเจ็บปวด ควรประคบครั้งละ 15-20 นาที และอาจทำซ้ำได้ทุก 2-3 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีการประคบอุ่นอาจเหมาะสมกว่า โดยเฉพาะเมื่ออาการปวดหัวเกิดจากความตึงของกล้ามเนื้อ
 

การทานยาแก้ปวด

การใช้ยาแก้ปวดเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดหัว ยาแก้ปวดทั่วไปที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา เช่น พาราเซตามอล หรือยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs มักให้ผลดีในการบรรเทาอาการ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาควรเป็นไปตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่ปรึกษาแพทย์
 


การป้องกันอาการปวดหัว

การจัดการความเครียด

การจัดการความเครียดเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันอาการปวดหัว การฝึกเทคนิคผ่อนคลายต่างๆ เช่น การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ หรือโยคะ สามารถช่วยลดความตึงเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การจัดการเวลาและการวางแผนการทำงานอย่างเหมาะสมก็เป็นส่วนสำคัญในการลดความเครียดในชีวิตประจำวัน
 

การนอนหลับให้เพียงพอ

การนอนหลับที่มีคุณภาพและเพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันอาการปวดหัว การรักษาเวลาเข้านอนและตื่นนอนให้สม่ำเสมอ การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอน และการหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน จะช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น
 

การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการปวดหัว การออกกำลังกายระดับปานกลาง เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดความเครียด และเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายโดยรวม
 

การทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุลมีส่วนสำคัญในการป้องกันอาการปวดหัว การรับประทานอาหารให้ตรงเวลา การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นอาการปวดหัว เช่น อาหารที่มีสารไนเตรตสูง หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการได้

อาการปวดหัวจี๊ดอาจเป็นได้ทั้งอาการเตือนของความเครียดไปจนถึงภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ การรู้จักสังเกตอาการ เข้าใจสาเหตุ และตระหนักถึงสัญญาณอันตราย จะช่วยให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงที อย่างไรก็ตาม การตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอาจต้องใช้การตรวจพิเศษหลายอย่าง เช่น เอ็มอาร์ไอ (MRI) หรือซีทีสแกน (CT Scan) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่าตรวจวินิจฉัยและค่ารักษาพยาบาลจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉินที่ต้องเข้ารับการรักษาทันที การมีประกันที่ดีจะช่วยให้เข้าถึงการรักษาที่จำเป็นได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ประกันโรคร้ายแรงยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญ หากพบว่าอาการปวดหัวจี๊ดนั้นเป็นสัญญาณของโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่องระยะยาว

สุขภาพเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ การดูแลตัวเองตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ควบคู่ไปกับการวางแผนทางการเงินที่รอบคอบ จะช่วยให้มีความพร้อมในการรับมือกับปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น และมั่นใจได้ว่าจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องกังวลว่าค่ารักษาพยาบาลจะกลายเป็นภาระทางการเงินในอนาคต


​​ขอบคุณข้อมูลจาก​

  • ปวดหัวจี๊ด ๆ อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก - Bangkok International Hospital
     

คำถามที่พบบ่อย

อาการปวดหัวจี๊ดสามารถรักษาได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับสาเหตุ การรักษาเบื้องต้นควรเริ่มจากการพักผ่อนในที่เงียบสงบ การประคบเย็น และการใช้ยาแก้ปวดตามความเหมาะสม หากอาการไม่ดีขึ้นหรือเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม

การปวดหัวบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ควรให้ความสนใจ แม้ว่าส่วนใหญ่อาการปวดหัวจะไม่ได้เกิดจากโรคร้ายแรง แต่หากมีอาการปวดหัวบ่อยขึ้น รุนแรงขึ้น หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง

อาหารหลายชนิดสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความไวต่ออาหารนั้นๆ อาหารที่มักกระตุ้นอาการได้แก่ อาหารที่มีสารไนเตรตสูง เช่น เนื้อแปรรูป อาหารหมักดอง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และอาหารที่มีผงชูรสมาก การสังเกตและจดบันทึกอาหารที่รับประทานเมื่อมีอาการปวดหัวจะช่วยให้ระบุอาหารที่เป็นสาเหตุได้ชัดเจนขึ้น

โดยทั่วไปการปวดหัวเป็นครั้งคราวถือเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในชีวิตประจำวัน แต่หากมีอาการปวดหัวมากกว่า 15 วันต่อเดือน และเป็นต่อเนื่องนานกว่า 3 เดือน ถือว่าเข้าข่ายภาวะปวดหัวเรื้อรัง ซึ่งควรได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์

อาการปวดหัวธรรมดามักมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป มีความรุนแรงระดับปานกลาง และมักสัมพันธ์กับปัจจัยกระตุ้นที่ชัดเจน เช่น ความเครียด การอดนอน หรือการทำงานหนัก อาการมักดีขึ้นหลังการพักผ่อนหรือการใช้ยาแก้ปวดทั่วไป ในทางตรงกันข้าม อาการปวดหัวที่อาจเป็นอันตรายมักมีลักษณะที่แตกต่างออกไป เช่น การปวดที่รุนแรงที่สุดในชีวิต เกิดขึ้นทันทีทันใดราวฟ้าผ่า หรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย เช่น อาการอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด ตามัว หรือมีไข้สูงร่วมด้วย ในกรณีเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์หรือห้องฉุกเฉินทันที

บทความ

ก้อนเนื้อแบบไหนอันตราย เข้าใจความต่างของเนื้องอก ก้อนมะเร็ง และซีสต์

เคยคลำเจอก้อนเนื้อแปลกๆ บนร่างกายแล้วรู้สึกกังวลหรือไม่? หลายคนอาจสงสัยว่าก้อนเนื้อที่พบเป็นเพียง “ซีสต์” หรืออาจเป็น “เนื้องอก” และที่น่ากลัวที่สุดคือ “มะเร็ง” แต่ละประเภทมีความแตกต่าง

รู้ค่ารักษามะเร็งก่อนรักษา ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน
 

ถามว่า "ค่ารักษามะเร็งแพงแค่ไหน?" คำตอบที่สะท้อนความจริงคือ "แพงกว่าที่คิด และสูงขึ้นทุกปี" จากข้อมูลล่าสุดพบว่า ค่ารักษามะเร็งในประเทศไทยเริ่มต้นที่หลักแสนและอาจพุ่งสูงถึงหลายล้านบาทต่อราย

เช็กสิทธิประกันสังคมด้วยเลขบัตรประชาชน ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

ใน​​ปัจจุบัน​​ที่การทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจกังวลถึงความมั่นคงในชีวิตหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เจ็บป่วย คลอดบุตร ว่างงาน หรือเสียชีวิต ประกันสังคม จึงเปรียบเสมือนหลักประกัน

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา 

ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ