ข้ามไปหน้าหลัก

เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน แม้ว่าอุณหภูมิจะสูงสักหน่อย แต่ท้องฟ้าก็ดูสดใส ทำให้ใครหลายคนคงอยากออกไปสนุกกับชีวิตนอกบ้าน ถ้าคุณเป็นพวกรักการออกกำลังกาย คุณอาจจะอดไม่ได้ที่จะหันไปคว้ารองเท้าวิ่งคู่โปรดมาสวม และวิ่งให้ได้สัก 5 กิโลก่อนทานมื้อเย็น เพื่อให้ได้สัมผัสกับแสงแดดสักหน่อย

ในช่วงอากาศร้อน เราไม่ได้จะบอกให้คุณอยู่แต่ในบ้านและหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายข้างนอก คุณสามารถออกกำลังกายข้างนอกได้ แต่ก็มีข้อควรระวัง เพราะการวิ่งในสภาพอากาศที่ร้อนจัดอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ และคุณก็คงไม่อยากป่วยด้วยฤทธิ์เดชของโรคลมแดด ในขณะที่ใครๆ ก็ออกไปมีช่วงเวลาดีๆ นอกบ้านกัน!

โชคดีที่การทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างเพลิดเพลินและปลอดภัยนั้นทำได้ไม่ยาก เรามีทิปส์ดีๆ สำหรับการวิ่งในช่วงอากาศร้อนที่คุณนำไปใช้ได้ง่ายๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ อาการเพลียแดด หรืออันตรายอื่นๆ ที่มักมากับอากาศร้อนจัด

ดื่มน้ำให้มากขึ้น

เคล็ดลับสำคัญข้อแรกคือการรักษาน้ำในร่างกายให้เพียงพอ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด ในขณะที่วิ่งกลางแดด คุณจะสูญเสียน้ำในร่างกายไปกับเหงื่อและจะขาดน้ำเร็วยิ่งขึ้น  ลองตั้งเป้าให้ตัวเองดื่มน้ำให้ได้ 250 มล. หรือประมาณ 1 แก้ว ในแต่ละชั่วโมงตลอดทั้งวันก่อนที่คุณจะออกไปวิ่ง เพราะร่างกายอาจใช้เวลาดูดซึมของเหลวที่ดื่มเข้าไปนานถึง 45 นาที การดื่มน้ำเมื่อใกล้เวลาวิ่งจึงอาจไม่ทันการณ์ เมื่อคุณออกไปวิ่ง อย่าลืมนำน้ำดื่มติดตัวไปด้วย และคอยจิบเมื่อรู้สึกกระหาย

ปกป้องผิวและดวงตา

ไม่ว่าจะใช้เวลาอยู่กลางแจ้งนานเท่าไร การทาครีมกันแดดนั้นจำเป็นเสมอ แม้ท้องฟ้าดูมีเมฆมาก แต่แสงอาทิตย์ก็ยังสามารถทำลายผิวพรรณและทำให้คุณรู้สึกแสบร้อนได้ หรือแย่กว่านั้นอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ คุณควรปกป้องดวงตาจากแสงแดดที่แผดจ้าด้วยเช่นกัน นักวิ่งไม่น้อยนิยมสวมหมวกแก๊ปเพื่อกันแสงแดด แต่มันก็ทำให้ศีรษะร้อนเกินไปได้ จริงๆ แล้ว แว่นกันแดดหรือหมวกเปิดศีรษะน่าจะดีกว่า

woman running with sunglasses and headband

ไม่ต้องเร่งทำระยะ

ในสภาพอากาศร้อน ร่างกายจะส่งเลือดมาเลี้ยงผิวมากขึ้นเพื่อช่วยให้อุณหภูมิลดลง แม้ดูเป็นกลไกที่ดี แต่คุณก็ต้องการเลือดเหล่านั้นมาหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อในขณะวิ่งด้วยเช่นกัน นั่นหมายถึงคุณอาจวิ่งในสภาพอากาศร้อนได้ไม่ดีเท่าอากาศที่เย็นสบายกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นักวิ่งทั้งหลายก็ไม่ควรหักโหมจนเกินไป

การวิ่งในอากาศร้อนช่วงแรก ควรลดระยะทางหรืออัตราความเร็วลง นั่นคือวิ่งประมาณ 3 ใน 4 ของระยะวิ่งปกติ หรือใช้อัตราความเร็วเพียง 75 เปอร์เซ็นต์ของอัตราปกติ และจึงค่อยๆ เพิ่มระยะขึ้นทีละนิดในช่วงสองสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับการออกกำลังในสภาพอากาศร้อนอย่างค่อยเป็นค่อยไป

วิ่งใกล้น้ำหรือสนามหญ้า

คุณสามารถเพลิดเพลินกับอากาศดีๆ โดยไม่ต้องผจญกับความร้อนได้ หากเลือกโลเคชั่นที่เหมาะสม อาทิเช่น วิ่งใกล้น้ำเพราะอุณหภูมิของน้ำมักเย็นกว่าอุณหภูมิของอากาศโดยรอบและมักมีลมพัดเย็นเอื่อยๆ ด้วย หากเลือกวิ่งริมแม่น้ำ ทะเลสาบ คลอง หรืออ่างเก็บน้ำ คุณจะรู้สึกได้เลยว่าอุณหภูมินั้นเย็นสบายกว่า เช่นเดียวกับการวิ่งบนหญ้าหรือใกล้สนามหญ้าจะรู้สึกว่าเย็นสบายกว่าบนถนนหรือฟุตบาท ยางมะตอยดูดซับความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้และคายมันออกมา ทำให้เกิดความร้อนเกือบจะตลอดทั้งวัน ในขณะที่หญ้าช่วยลดความร้อน และบริเวณที่มีสนามหญ้าก็มักมีต้นไม้และร่มเงาช่วยคลายร้อนอีกด้วย

running on grass in trainers

เลือกเวลาวิ่งที่เหมาะสม

สำหรับฤดูร้อน เวลาที่เหมาะสมที่สุดคือตอนเช้า แม้ฟังดูอาจไม่สนุกเท่าไรสำหรับคนไม่ชอบตื่นเช้า แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่เย็นสบายที่สุดของวัน เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น บรรยากาศจะค่อยๆ ร้อนขึ้นและระดับอุณหภูมิก็เพิ่มสูงตาม อย่างไรก็ดี กระบวนการนี้ใช้เวลาพอสมควร และช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงสุดในแต่ละวันคือช่วงบ่ายสามถึงบ่ายสี่โมง และหลังจากนั้นอุณหภูมิจึงค่อยๆ ลดลงในช่วงเย็น คุณอาจจะเคยสังเกตว่าคุณสามารถออกมานั่งข้างนอกได้และไม่ร้อนคือหลังสามทุ่มไปแล้ว ดังนั้น ไม่แปลกหากคุณออกมาวิ่งหลังเลิกงาน คุณก็ยังคงรู้สึกร้อนมากอยู่ ซึ่งช่วงเวลาที่เย็นสบายที่สุดของวันนั้นคือช่วงเช้า เพราะพระอาทิตย์ยังไม่ส่งความร้อนผ่านลงมาอย่างทั่วถึง