X
ข้ามไปหน้าหลัก
สุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน

ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ความเสี่ยงเกี่ยวกับบุคคลากร และความเสี่ยงเกี่ยวกับมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

Suresh Krishnan
Suresh Krishnan, 05/2021
people wandering

ปัจจุบันความเสี่ยงทางธุรกิจบางประการสามารถส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและธรรมาภิบาลขององค์กรมากว่าความเสี่ยงอื่น ภัยต่างๆที่เคยกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรดูเหมือนจะลดลงกว่าเมื่อก่อน ด้วยเทคนิคการบริหารความเสี่ยงที่มีมาอย่างยาวนานจะช่วยให้บริษัทสามารถบริหารความเสี่ยงต่อทรัพย์สินหรือความเสี่ยงในความรับผิดต่อสาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม เราสามารถกำหนดความเสียหายและบริหารภัยที่ซับซ้อน เช่น การโจมตีทางไซเบอร์ ภัยก่อการร้าย และความรับผิดจากมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมได้ยากกว่า ยกตัวอย่างเช่น กรณีการก่อมลพิษแก่แม่น้ำในบราซิล การโจมตีทางไซเบอร์ที่บังคลาเทศ และการก่อการร้ายที่อินโดนีเซีย จะเห็นได้ว่ากรณีเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรอย่างมากทั้งสิ้นและนับวันจะยิ่งเพิ่มทวีขึ้นเป็นภัยระดับโลก ด้วยเหตุนี้ องค์กรต่างๆ จึงควรทำงานร่วมกับหน่วยงานบริหารความเสี่ยงของบริษัทประกันภัย เพื่อปกป้องชื่อเสียงขององค์กรของตน

จากงานวิจัยขององค์กร AIRMIC เมื่อปี 2559 พบว่าบรรดาผู้ดูแลจัดการความเสี่ยงในสหราชอาณาจักรได้จัดให้ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจมีความสำคัญอยู่ในอันดับสาม และมีความเห็นตรงกันว่าคณะกรรมการบริษัทจะต้องเป็นผู้บริหารความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กร ผลสำรวจของบริษัท Deloitte ก็สนับสนุนความเห็นนี้เช่นกัน กล่าวคือ มีผู้ที่เห็นด้วยคิดเป็น 36% ว่ากรรมการผู้จัดการของบริษัท (CEO) จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ 21% เห็นว่าหัวหน้าฝ่ายบริหารความเสี่ยง (Chief Risk Officer) จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ 14% เห็นว่าคณะกรรมการบริษัทจะต้องรับผิดชอบ และ 11% เห็นว่าหัวหน้าฝ่ายการเงิน (CFO) จะต้องรับผิดชอบ ดังนั้น จึงเกิดคำถามขึ้นว่าผู้จัดการอาวุโสควรให้ทีมบริหารความเสี่ยงดำเนินการอย่างไร หากเป็นกรณีการรับประกันภัยความเสี่ยงที่ซับซ้อน การรักษาและปฏิบัติตามหลักบรรษัทภิบาล และการบริหารความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจ

 

ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจ

ความเสี่ยงที่ซับซ้อนที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจ แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ความเสี่ยงเกี่ยวกับบุคคลากร & ความเสี่ยงเกี่ยวกับมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

ธุรกิจหลายประเภทยังอยู่ในขั้นเรียนรู้เกี่ยวกับความรับผิดเมื่อมีการรั่วไหลของข้อมูล การสำรวจขององค์กร AIRMIC พบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้จัดการความเสี่ยงที่ตอบแบบสอบถาม ไม่มีประกันภัยความเสี่ยงภัยจากอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ และถึงแม้ว่าบางบริษัทหรือบางอุตสาหกรรมจะปลอดจากความรับผิดจากการละเมิดหรือการโจมตีเหล่านั้นก็ตาม หากเกิดเหตุร้ายแรงใด ๆ ขึ้น จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจอย่างแน่นอน และประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญระดับภูมิภาคที่สหภาพยุโรป (European Union) ได้ให้ความสำคัญและออกแนวทางเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Cyber Directives) และถือเป็นกฎระเบียบที่ขยายเขตอำนาจการบังคับใช้ออกไปข้ามประเทศ โดยไม่คำนึงว่าองค์กรธุรกิจจะมีหลักแหล่งตั้งอยู่ที่ใด หากแต่จะมุ่งประเด็นไปที่สถานที่ที่ประกอบธุรกิจและบุคคลหรือนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจด้วย

 

ธุรกิจหลายประเภทยังอยู่ในขั้นเรียนรู้เกี่ยวกับความรับผิดเมื่อมีการรั่วไหลของข้อมูล

 

เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจะได้รับความสนใจจากสารธารณะอย่างรวดเร็ว และสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจ บริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะมีความเสี่ยงที่ชัดเจนในกรณีนี้ แต่ปัจจุบัน บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ บริษัทที่ประกอบธุรกิจบนสถานที่ของบุคคลอื่น หรือบริษัทที่เก็บสารที่อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อน ล้วนมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ยิ่งกว่านั้น ในบางประเทศ เช่น อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย จีน สภาพยุโรป และอินเดีย มีแนวโน้มที่จะเอาโทษกับผู้บริหารระดับอาวุโสขององค์กรที่กระทำความผิดด้วย

ส่วนกรณีความเสี่ยงเกี่ยวกับบุคคลากร ในปีที่ผ่านมา ชับบ์ได้ทำงานวิจัยในหมู่ผู้บริหารในยุโรป และพบว่านายจ้างในยุโรปส่วนใหญ่มีความเข้าใจถึงหน้าที่ที่จะต้องดูแลพนักงานด้วยความเอาใจใส่ ในหลายประเทศ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับหน้าที่ของนายจ้างที่จะต้องดูแลพนักงานด้วยความเอาใจใส่เพื่อคุ้มครองลูกจ้างแล้ว

บริษัทที่ไม่มีการดูแลพนักงานด้วยความเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอจะเผชิญกับความเสี่ยงที่จะทำความเสียหายแก่พนักงานของตน ซึ่งจะนำไปสู่ความเสียหายต่อชื่อเสียงและการเงินของบริษัทเอง รวมทั้งจะทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของสาธารณะและหน่วยงานราชการหรือองค์กรที่กำกับดูแลด้วย

เหตุการณ์ก่อการร้ายต่างๆ ถือเป็นความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทและบุคคลากรเช่นกัน กรณีเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศไทยในปี 2553 ได้ก่อให้เกิดความเสียหายประมาณการณ์ในเชิงทรัพย์สินอย่างเดียวถึง 1,000 ล้านบาท ส่วนการประมาณการณ์ความเสียหายอันเนื่องมาจากธุรกิจที่ไม่ได้เป็นเป้าหมายไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ในช่วงเวลาที่มีการรัฐประหารและความเสียหายเนื่องจากการเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า

 

ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียด้วย

สำหรับการบริหารความเสี่ยงที่ซับซ้อนเช่นนี้ ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ดีไม่ใช่เพียงพิจารณาจากถ้อยคำในเงื่อนไขของกรมธรรม์และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเท่านั้น ความสามารถในการตอบโจทย์ทางธุรกิจที่ดีและยั่งยืนก็สามารถช่วยสนับสนุนการบริหารธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาลและการบริหารความเสี่ยงที่ซับซ้อนได้ ซึ่งความสามารถในการตอบโจทย์ทางธุรกิจต้องรวมถึงการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายและการให้คำปรึกษาเพื่อที่จะบรรเทาผลกระทบต่อชื่อเสียงด้วย

สิ่งที่สำคัญและต้องคำนึงถึงในธุรกิจของบริษัทมหาชนก็คือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ได้หมายถึงเฉพาะลูกค้าเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงองค์กรที่ถือหุ้น พนักงาน หน่วยงานท้องถิ่น หน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจ และคณะกรรมการบริษัทด้วย ซึ่งกลุ่มบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานเหล่านี้จะมีคำถามว่า “องค์กรของคุณมีวิธีการจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบและจะรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างไร”

สิ่งท้าทายที่สำคัญของผู้บริหารซึ่งต้องรับผิดชอบการบริหารความเสี่ยงขององค์กรคือการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ได้ การปกป้องชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจและการได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียจะขึ้นอยู่กับแนวทางการบริหารความเสี่ยงของผู้บริหาร และแนวทางดังกล่าวก็ควรจะรวมถึงบริการให้คำปรึกษาทั้งเชิงรุกและเชิงรับต่อธุรกิจประเภทต่างๆ ด้วย

สำหรับการบริหารความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่สามารถตอบโจทย์ได้ควรมีการบริหารจัดการเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจและคุ้มครองค่าใช้จ่ายด้านการประชาสัมพันธ์เมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤติ ทั้งนี้ แผนการบริหารความเสี่ยงเต็มรูปแบบควรจะมีการเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยอื่นในตลาดก่อนจะมีการออกกรมธรรม์ โดยมีข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับวิศวกรรมความเสี่ยงที่เสนอแนะวิธีการลดความเสี่ยงของการถูกละเมิดข้อมูลหรือถูกโจมตี รวมทั้งมีการเฝ้าระวังและมีแผนรับมือทั่วไปเป็นข้อมูลสนับสนุนด้วย ดังนั้น การได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น ๆ จะทำให้ผู้รับประกันภัยสามารถนำเสนอแนวทางแก่ลูกค้าเพื่อเตรียมการ วางแผน และทดสอบแผนการที่วางไว้รองรับกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งให้ลูกค้าได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น

สำหรับความเสี่ยงกรณีมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมก็เช่นเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์ต้องมุ่งเน้นแผนการรับมือกับความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและมีสายตรงสำหรับติดต่อขอความช่วยเหลือที่สามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยรับมือกับสื่อมวลชนและผลกระทบด้านอื่นๆ เพื่อที่จะกู้ภาพลักษณ์ชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจโดยเร็ว

สำหรับพนักงานซึ่งเดินทางไปทำงานในที่ต่างๆ ก็สามารถได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุการเดินทางแบบกลุ่ม โดยพนักงานเหล่านั้นสามารถรับทราบการแจ้งเตือนต่างๆ ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมืองและภัยธรรมชาติ หรือขอรับความช่วยเหลือทางการแพทย์และความปลอดภัยผ่านทางแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ เทคโนโลยียังช่วยให้บริษัททำการแจ้งเตือนพนักงานได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือสามารถติดตามและระบุตำแหน่งที่อยู่ของพนักงานได้โดยใช้จีพีเอส (GPS) จากโทรศัพท์มือถือของพนักงาน

ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจจะมีความคุ้มครองที่ไม่ตรงกับความเสี่ยงต่างๆ ที่ซับซ้อนและอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจซึ่งนับวันจะเพิ่มทวีขึ้น ด้วยเหตุนี้ ชับบ์จึงได้จัดตั้งหน่วยงานที่ดูแลความเสี่ยงต่างๆ เหล่านั้นขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากภูมิภาค ผลิตภัณฑ์ และธุรกิจต่างๆ เพื่อจะสนองตอบความต้องการขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ระดับโลกในการรับมือกับความเสี่ยงที่ซับซ้อนดังกล่าว หน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นนี้จะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการแบรนด์ ซึ่งเราเชื่อว่าหน่วยงานนี้อาจช่วยให้เราค้นพบแง่มุมใหม่ของการประกันภัยที่ไม่เคยมีมาก่อนได้

 

การปกป้องชื่อเสียงในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ

กรมธรรม์ที่คุ้มครองการโจมตีทางไซเบอร์ การก่อการร้าย ความรับผิดกรณีเกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และอุบัติเหตุจากการเดินทางต่างๆ นั้น สามารถรวมอยู่ในกรมธรรม์เดียว แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังไม่ทราบและยังคงแยกซื้อประกันภัยเหล่านี้

ยกตัวอย่างเช่น ประกันภัยไซเบอร์ยังคงเป็นสินค้าใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในประเทศต่างๆ ในแถบลาตินอเมริกา ถึงแม้ว่าความคุ้มครองการโจมตีทางไซเบอร์จะได้รับการบรรจุอยู่รวมอยู่ในกรมธรรม์ระหว่างประเทศที่ได้นำเสนอในกลุ่มประเทศในภูมิภาคดังกล่าวบ้างแล้ว ซึ่งต่างจากตลาดผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่คุ้มครองความรับผิดกรณีการเกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งได้มีการพัฒนาไปก่อนแล้ว อันเป็นผลจากการที่ชับบ์ได้มีบทบาทในการให้คำแนะนำต่อหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านกฎระเบียบด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ในขณะที่กรมธรรม์ระหว่างประเทศสามารถรองรับและให้ความคุ้มครองภัยต่างๆ ได้เป็นส่วนใหญ่และก็อาจถือได้ว่ากรมธรรม์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่จำเป็น หากจะมองในบริบทที่ว่าชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการปกป้อง ประโยชน์ของการมีกรมธรรม์ระหว่างประเทศอีกประการก็คือสามารถช่วยให้การให้บริการเคลมในประเทศเป็นเรื่องที่สะดวกขึ้นและขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ประกันภัยในประเทศไปในตัวด้วย

อย่างไรก็ตาม การไม่มีกรมธรรม์ในพื้นที่อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ความคุ้มครองการเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หากปราศจากความคุ้มครองในพื้นที่และหากไม่มีข้อมูลของประเทศที่พนักงานจะเดินทางไปแล้ว บริษัทแม่ก็อาจจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากกรมธรรม์ระหว่างประเทศกรณีพนักงานเสียชีวิตจากการเดินทางแทนที่จะเป็นผู้ที่ถูกระบุให้เป็นผู้รับประโยชน์ซึ่งอยู่ในประเทศอื่น และอาจก่อให้เกิดประเด็นภาระทางภาษีแก่บริษัทแม่ ซึ่งที่จริงกรณีนี้สามารถเลี่ยงได้โดยการซื้อประกันภัยความคุ้มครองในพื้นที่ไว้ด้วย

จากกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่กรณีเหตุน้ำมันรั่วซึ่งก่อให้เกิดการปนเปื้อนของน้ำมันในออสเตรเลีย จนถึงกรณีการก่อการร้ายซึ่งโจมตีห้างสรรพสินค้าในเคนยา จะเห็นได้ว่าสำหรับองค์ธุรกิจระหว่างประเทศนั้น องค์ประกอบสำคัญสำหรับการเอาประกันภัยระหว่างประเทศที่ดีและมีประสิทธิภาพคือการเอาประกันภัยที่ได้มีการปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ ของหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยอย่างถูกต้อง ตั้งแต่ถ้อยคำในกรมธรรม์ จนถึงการดำเนินการจัดการสินไหม อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน นอกเหนือจากการเอาประกันภัยที่ได้มีการปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ ของหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยอย่างถูกต้องแล้ว การได้มอบบริการที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ เช่น การให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ การบริการด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ และการที่สามารถติดตามการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ออนไลน์ ล้วนเป็นสิ่งที่องค์ธุรกิจระหว่างประเทศ “ต้องมีไว้” เพื่อที่จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจระหว่างประเทศ

จากทั้งหมดนี้ อาจกล่าวสรุปได้ว่าประกันภัยที่มีแผนบริหารและคุ้มครองความเสี่ยงเต็มรูปแบบมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับองค์กรธุรกิจระหว่างประเทศ และด้วยความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรธุรกิจได้เพิ่มทวีขึ้นในปัจจุบัน กรมธรรม์ประกันภัยสามารถได้รับการออกแบบเพื่อลดความเสี่ยงนี้ได้ด้วยการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า การวางแผน และความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ด้วยบุคคลากร ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน และเทคโนโลยี ชับบ์จึงสามารถทำงานร่วมกับผู้บริหารจัดการความเสี่ยงในทุกๆ ด้านของการประกันภัยสำหรับองค์กรธุรกิจระหว่างประเทศ

 

โดย สุเรซ กริชนัน

สุเรซ กริชนัน เป็นผู้นำและบริหารแผนกบริหารลูกค้าระหว่างประเทศของฝ่ายรับประกันวินาศภัยระหว่างประเทศของชับบ์ ซึ่งรับประกันภัยความเสี่ยงภัยที่ซับซ้อนให้แก่ลูกค้าที่เป็นองค์กรธุรกิจระหว่างประเทศขนาดใหญ่ที่มีทั่วโลก สุเรซ กริชนัน เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาทั่วไปให้กับฝ่ายลูกค้าระหว่างประเทศของกลุ่มบริษัท ACE (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นชับบ์), ที่ปรึกษาทั่วไปของ ACE USA ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติการด้าน Retail ในสหรัฐอเมริกา และที่ปรึกษาทั่วไปฝ่ายผลิตภัณฑ์ด้านการเงินของบริษัท ACE ซึ่งเป็นฝ่ายที่มีการดำเนินงานเป็นระบบ

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเราทางออนไลน์
ติดต่อเราทางออนไลน์

มีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม?

ติดต่อเราเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ

Global Client Executive

Peter Kuczer
O: +61 3 96237204