4 วิธี เริ่มต้นชีวิตคู่อย่างมั่นคง

ก่อนแต่งงานหลายคนอาจซื้อคอนโดไว้ แต่เมื่อแต่งงานต้องย้ายออกไปอยู่บ้านคู่สมรส เลยปล่อยห้องว่าง หากยังไม่ต้องการขายทิ้ง ควรปล่อยให้คนเช่า เพราะถึงแม้คุณจะผ่อนคอนโดหมดแล้วหรือยังไม่หมดก็ตาม ค่าใช้จ่ายของส่วนกลางยังคงมีอยู่ การปล่อยให้คนเช่านั้นจะช่วยลดค่าส่วนกลางได้ แถมยังมีรายได้เพิ่มเติมอีกด้วย แต่ก่อนจะให้ใครเช่า ก็อย่าลืมทำข้อตกลงให้ดีและเลือกผู้เช่าที่ไว้ใจได้ เพราะจะได้ไม่มาสร้างความปวดหัว หรือความจุกจิกในการเช่าห้องให้เราในภายหลัง

เมื่อแต่งงานกันแล้ว ไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็คงต้องย้ายไปอยู่บ้านอีกฝ่าย ซึ่งตรงนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการที่ต้องออกเดท หรือไปมาหาสู่กันทุกวันไปได้เยอะ และเมื่อย้ายไปอยู่ด้วยกันที่เรือนหอใหม่แล้ว เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออะไรที่อยู่บ้านเก่าแล้วยังใช้งานได้ หากไม่คิดจะนำไปไว้ที่บ้านใหม่ ก็แนะนำให้ขายเป็นมือสองเพื่อนำเงินไปหาซื้อของที่ยังขาดอยู่นั่นเอง โดยเฉพาะของที่มีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาไม่ควรเก็บไว้นาน

นอกจากการแบ่งเงินเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้านแล้ว ในส่วนของเงินเก็บร่วมควรแยกไว้เพื่อสร้างความชัดเจนและสามารถจัดสรรเงินได้อย่างลงตัว เช่น หากคู่รักเป็นนักเดินทาง ควรทำบัญชีแยกเพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้ค่าใช้จ่ายเรื่องความสุขมาทำร้ายตัวเองในภายหลัง หรือหากชอบช็อปปิ้งของที่มีราคาสูงก็ให้แยกไว้ต่างหาก พอสะสมเงินได้ครบค่อยไปซื้อ ลดภาระหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการรูดบัตรเครดิตไปก่อน และสำหรับคู่ที่วางแผนมีบุตร ควรทำบัญชีค่าใช้จ่ายระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดเตรียมเผื่อไว้เลย เพื่อสร้างความคล่องตัวด้านการเงินให้กับชีวิตคู่

ในส่วนของเงินที่เก็บร่วมกันและไม่ได้มีแพลนนำไปทำอะไร อาจนำไปลงทุนในตราสารหนี้ หรือกองทุนรวม เพื่อให้เงินงอกเงยจากการลงทุนในส่วนต่างๆ และที่สำคัญเพื่อให้มั่นใจว่าหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น คนที่เรารักจะไม่เดือดร้อน จึงแนะนำให้ทำประกันชีวิตไว้ในแพลนด้วย ซึ่งการเลือกทำประกันชีวิตนี้ถือเป็นอีกหนึ่งหลักประกันในชีวิต และเป็นหนึ่งในการเตรียมวางแผนเพื่อสร้างครอบครัว ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงสำหรับครอบครัวและคนที่เรารักอีกด้วย

หลายคู่ก่อนแต่งงานมีรถเป็นของตัวเองเพื่อใช้เดินทาง แต่เมื่อแต่งงานกันแล้วรถที่เคยใช้งานประจำ กลับถูกปล่อยทิ้งไว้ที่บ้านโดยไม่ได้ใช้งาน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าบำรุงรักษาและตรวจเช็คประจำปี ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากไม่ได้ใช้งานแล้ว หันมาพิจารณาการขายออก เพื่อได้เงินกลับมาบางส่วน และยังลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการซ่อมบำรุงรถด้วย